COVID-19นายกฯ ประเมินโควิดอาจลากยาวถึงต้นปีหน้า แนะปรับตัวสู่ New Normal, เตรียมผ่อนปรนระยะ 2 หลังรอประเมินระยะแรก

ข่าวทั่วไป Tuesday May 5, 2020 14:53 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม แถลงภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า ภาพรวมเศรษฐกิจไทยที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ครั้งนี้ ประเมินว่าอาจจะนานยาวไป 6-9 เดือนนับจากนี้ ดังนั้นจึงต้องเตรียมมาตรการรองรับทุกอย่างไว้ รวมถึงทุกคนต้องปรับใช้วิถีชีวิตปกติแบบใหม่ หรือ New Normal ซึ่งจะถือเป็นแนวปฎิบัติต่อไปในอนาคต

นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ในช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ได้เดินสายพบกับภาคธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม เพื่อรับฟังข้อมูลผลกระทบที่ภาคธุรกิจได้รับโดยตรง และอย่างต่อเนื่อง เพื่อนำมาขับเคลื่อนงานของแต่ละส่วนในการให้การดูแลต่อไป

ส่วนความคืบหน้าหลังส่งจดหมายถึงมหาเศรษฐีชั้นนำ 20 รายของประเทศนั้น นายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ล่าสุดได้รับจดหมายตอบกลับครบทุกคนแล้ว โดยมีทั้งการให้ข้อเสนอแนะและการแก้ไขปัญหา รวมถึงความคืบหน้าการดูแลประชาชนที่มีรายได้น้อย โดยมหาเศรษฐีทั้ง 20 คน จะให้ความร่วมมือในการฟื้นฟูเศรษฐกิจและดูแลประชาชนทั่วประเทศ และครอบคลุมทุกกลุ่ม ดังนั้นจึงขอชื่นชมที่มาร่วมมือกับรัฐบาลในการดูแลประชาชนอย่างเต็มที่ ในส่วนของรัฐบาลก็มองหาแนวทางที่จะไปช่วยเหลือ ขณะที่ทางภาคธุรกิจก็มีความต้องการให้ความช่วยเหลือเช่นกัน

สำหรับการประเมินผลการผ่อนปรนตั้งแต่เมื่อวันที่ 3 พ.ค.นั้น นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ยังมีหลายอย่างต้องปรับปรุง ทั้งความร่วมมือของภาคธุรกิจ ภาคเอกชนต่างๆและประชาชน ยืนยันว่า รัฐบาลให้ความสำคัญกับทุกภาคส่วน โดยเฉพาะประชาชนผู้มีรายได้น้อย แต่จำเป็นต้องมีมาตรการที่เหมาะสมในการดำเนินการเพื่อให้เกิดความปลอดภัยในด้านสาธารณสุขอย่างต่อเนื่องและเข้มข้น เพราะยังวางใจเรื่องเหล่านี้ไม่ได้

นายกรัฐมนตรี ยังได้ตำหนิการรุมแย่งกันซื้อเครื่องดื่มแอลกฮอล์ ซึ่งได้สั่งการแล้วว่า ต้องมีมาตรการที่ชัดเจนในการซื้อเครื่องดื่มแอลกฮอล์ ด้วยการจำกัดปริมาณการซื้อ เปิดปิดตามเวลาที่กำหนด ไม่ให้มีภาพการรุมแย่งกันซื้ออีก เพราะจะถือว่าไม่ปฏิบัติตามมาตรการของรัฐ พร้อมขอให้ภาคเอกชน ร้านค้าต่างๆที่ขายสุรา ต้องปฏิบัติตามมาตรการที่ออกไป ไม่เช่นนั้นจะถูกปิด ไม่ให้ขายอีกต่อไป

นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ขณะนี้กำลังเตรียมการระยะที่ 2 หากสามารถผ่านระยะที่หนึ่งไปได้ใน 14 วัน ซึ่งสิ่งสำคัญที่สุดคือ กรณีที่ประชาชนจำนวนมากจะเข้าสถานประกอบการขนาดใหญ่หรือศูนย์การค้า ที่จะต้องจำกัดปริมาณคนที่จะเข้าห้าง ใช้เวลาไม่เกิน 2 ชั่วโมง ไม่ให้เกิดปัญหาการแย่งชิงกันอีก ดังนั้น ทุกสถานประกอบการขนาดใหญ่หรือศูนย์การค้าจะต้องมีเต็นท์หรือพื้นที่พักคอยอยู่ด้านนอก พร้อมมีมาตรฐานในการคัดกรอง การวัดอุณหภูมิ การใช้เจลแอลกอฮอล์

"เวลานี้ ศบค.กำลังพิจารณาอยู่ว่าจะเปิดอะไรต่อไป สถานประกอบการขนาดใหญ่อาจจะมีความพร้อมมากกว่า เพราะมีเครื่องมือและทุนทรัพย์มากกว่า อะไรที่ทำก็ขอให้ทำให้ได้ จึงจะสามารถเปิดได้ ขอให้มีมาตรฐานที่รัดกุม...จะต้องไม่การ์ดตก ไม่ว่าตัวเลขจะเป็นศูนย์หรือไม่ก็ตาม การ์ดตกไม่ได้เลย ห้ามการ์ดตกโดยเด็ดขาด"นายกรัฐมนตรี ระบุ

ส่วนช่วงเช้าที่ผ่านมาที่มีประชาชนใช้บริการรถไฟฟ้าจำนวนมากจนแออัดนั้น ได้สั่งให้มีมาตรการแก้ไขเรื่องปัญหาขัดข้องทางเทคนิคจนทำให้คนมารอเป็นจำนวนมากแล้ว ยอมรับว่าเป็นเรื่องทางเทคนิคที่เกิดขึ้น ไม่สามารถจะกำหนดอะไรได้ล่วงหน้า แต่ก็ขอให้มีแผนงานการแก้ไขเหล่านี้ด้วย


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ