นายชัยวัฒน์ ทองคำคูณ ปลัดกระทรวงคมนาคม กล่าวถึงการเดินทางในช่วงสถานการณ์โควิด-19 ว่า ในวันที่ 5 พ.ค.หลังจากรัฐบาลได้มีการผ่อนคลายกิจกรรมมากขึ้น ทำให้ประชาชนเดินทางมากขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่ง กรุงเทพ และปริมณฑล ประชาชนใช้รถไฟฟ้าเดินทางอย่างหนาแน่นแออัด ประกอบกับเกิดการขัดข้องระบบ ทำให้ขบวนรถไม่สามารถเดินรถได้ 3-4 ขบวน ทำให้การจัดการคนเข้ามาสถานีก็ทำได้ยากมาก ก็เป็นบทเรียนสำคัญ
อย่างไรก็ตามได้มอบหมายหน่วยงานให้ซักซ้อมการปฏิบัติ เน้นให้มีการเว้นระยะห่างทางสังคมในการใช้รถไฟฟ้า ซึ่งได้มีการฝึกซ้อม ที่จะทำอย่างไรให้ผู้โดยสารมั่นใจไม่ติดเชื้อโควิด ดังน้นเมื่อวานและวันนี้มีการจัดการดีขึ้นมาก ส่วนหนึ่งประชาชนปฏิบัติตามข้อแนะนำ และเดินทางด้วยความปลอดภัย แต่ก็มีบางส่วน ที่ร้องเรียนที่ต้องใช้เวลาในการเดินทางนาน ซึ่งก็ยอมรับรถไฟฟ้าขนคน 1,000 -1,100 คน/ขบวน แต่จากสถานการณ์นี้ก็ไม่สามารถทำได้ ดังนั้น ขบวนหนึ่งขนคนได้เพียง 250 คน หรือลดลง 1 ใน 4 ที่จำเป็นต้องลดความเสี่ยงจากการผู้ใช้รถไฟฟ้า
ทั้งนี้ได้มีมาตรการอื่นรองรับ ได้แก่ ให้ผู้โดยสารสวมหน้ากากอนามัย ตลอดเวลาที่ใช้ระบบรถไฟฟ้า และมีการคัดกรองวัดอุณหภูมิ ทั้งก่อนขึ้นรถ ส่วนในการเดินทางรถเมล์ ซึ่งกทม.ยังมีการให้บริการมาก ก็มีเรื่องแออัดมาก ก็ต้องมีการเว้นระยะห่าง และสวมหน้ากากทั้งวัดอุณหภูมิ เช่นเดียวกันกับการใช้เรือเดินทาง
ส่วนการเดินทางทางอากาศ ในเดือนพ.ค. มี 5 สายการบินกลับมาให้บริการ กระทรวงคมนาคมเปิดใช้ท่าอากาศยานทั้งสิ้น 18 แห่ง รวมสุวรรณภูมิ และ ดอนเมือง ทั้งหมดเป็นการเดินทางเฉพาะภายในประเทศเท่านั้น ส่วนการเดินทางระหว่างประเทศก็ยังอยู่ในควบคุมของศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 (ศบค.) ซึ่งทั้ง 18 ท่าอากาศยานเปิดให้บริการ 7.00 -19.00 น. เนื่องจากมีเวลาควบคุม หรือเคอร์ฟิว เพื่อป้องกันให้ผู้โดยสารเมื่อเดินทางถึงปลายทางก็ต้องเดินทางต่อไปที่พักอาศัย
สิ่งที่เน้นย้ำ เราห่วงใยผู้โดยสารที่เดินทางไม่ว่าทางไหนก็เป็นการกำหนดข้อปฏิบัติ และเจ้าหน้าที่ผู้ให้บริการ ได้แก่ หากมีไข้ควรงดการเดินทาง การคัดกรองอุณหภูมิ ในยานพาหนะมีการทำความสะอาดสม่ำเสมอรวมถึงพื้นที่ให้บริการ รวมทั้งพนักงานขับรถ พนักงานขายตั๋ว ดูแลสุขภาพอย่างดี
การเว้นระยะห่างทางสังคม ไม่ว่าจะขึ้นรถไฟฟ้า รถเมล์ เรือ ขอให้ปฏิบัติตามมาตรการนี้ เพื่อเป็นการลดความเสี่ยง โดยให้สวมหน้ากากอนามัยหรือหน้ากากผ้าตลอดที่ใช้ขนส่งสาธารณะ
แต่ถ้าจะเดินทางข้ามจังหวัดต้องศึกษาว่า จังหวัดที่ต้องการเดินทาง ทางผู้ว่าราชการจังหวัดกำหนดอย่างไร เช่นต้องมีเอกสารรับรองปลอดจากเชื้อ บางจว.ต้องกักตัว 14 วัน เมื่อเดินทางถึงปลายทางจะได้ไม่มีปัญหา
"ตอนนี้มีการปรับขบวนรถให้มีการวิ่งให้มากขึ้น แต่ก็ไม่ได้เพิ่มความถี่มาก เพราะต้องเว้นระยะการให้บริการ อย่างน้อยไม่ต่ำกว่า 3 นาที ถ้าลดมากกว่านี้อาจจะเกิดความไม่เปลอดภัยในการให้บริการ ปัจจุบัน เราใช้ 3 นาที และให้เดินรถเช้าเย็น ปรับขบวนรถให้วิ่งให้ถี่ใน 3 นาที แต่ที่สำคัญแม้จะปรับขบวนรถ แต่ก็มีจำนวนผู้โดยสารรอเข้าใช้บริการ จึงต้องจัดการใช้บริการ ก่อนเข้าสถานี ก่อนเข้าขบวนรถ ซึ่งเป็นการให้บริการในสถานการณ์ไม่ปกติ หากมีการบริการไม่เพียงพอก็จะเพิ่มเสริมเข้ามา"
นอกจากนี้ การทำงานที่บ้าน (Work from Home) ช่วยลดการเดินทาง หรือปรับเวลาการทำงานเป็น 3 ช่วง เหลื่อมเวลา ช่วง 7.00, 8.00, 9.00 น. ช่วยกระจายการเดินทาง เป็นการช่วยลดความหนาแน่นการเดินทางในช่วงเร่งด่วน