นายมณฑล สุดประเสริฐ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) เปิดเผยว่า เนื่องจากอิทธิพลความกดอากาศต่ำเนื่องจากความร้อนปกคลุมประเทศไทยตอนบน ประกอบกับมีลมใต้และลมตะวันออกเฉียงเหนือพัดนำความชื้นปกคลุมภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคตะวันออก และภาคกลาง และภาคเหนือตอนล่าง ทำให้เกิดพายุฝนฟ้าคะนองและลมกระโชกแรงในช่วงวันที่ 14 พ.ค.2563 ถึงปัจจุบัน ซึ่งมีพื้นที่ได้รับผลกระทบ 11 จังหวัด ครอบคลุมพื้นที่รวม 26 อำเภอ 50 ตำบล 130 หมู่บ้าน บ้านเรือนเสียหาย 1,293 หลัง ผู้เสียชีวิต 1 ราย แยกเป็น
ภาคเหนือ 3 จังหวัด ได้แก่ เชียงราย แพร่ พิษณุโลก รวม 3 อำเภอ 5 ตำบล 25 หมู่บ้าน บ้านเรือนเสียหาย 479 หลัง
ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 4 จังหวัด ได้แก่ ขอนแก่น กาฬสินธุ์ สุรินทร์ และนครราชสีมา รวม 13 อำเภอ 19 ตำบล 41 หมู่บ้าน บ้านเรือนเสียหาย 273 หลัง
ภาคกลาง 3 จังหวัด ได้แก่ นครสวรรค์ สิงห์บุรี และชัยนาท รวม 8 อำเภอ 23 ตำบล 58 หมู่บ้าน บ้านเรือนเสียหาย 451 หลัง
ภาคตะวันออก 1 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดฉะเชิงเทรา รวม 2 อำเภอ 3 ตำบล 6 หมู่บ้าน บ้านเรือนเสียหาย 90 หลัง
อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันสถานการณ์ภัยคลี่คลายแล้วทุกจังหวัด โดย ปภ.ได้ประสานจังหวัด หน่วยทหาร องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งให้การช่วยเหลือผู้ประสบภัยแล้ว โดยแจกจ่ายเครื่องอุปโภคบริโภค กระเบื้องมุงหลังคา และวัสดุอุปกรณ์ซ่อมแซมบ้านเรือนแก่ผู้ประสบภัย รวมถึงจัดเจ้าหน้าที่สำรวจและประเมินความเสียหาย เพื่อดำเนินการช่วยเหลือตามระเบียบกระทรวงการคลัง ทั้งการชดเชยความเสียหายของบ้านเรือนเป็นวัสดุก่อสร้าง หรือจ่ายเงินช่วยเหลือตามความเหมาะสม อีกทั้งจ่ายเงินสงเคราะห์ครอบครัวผู้เสียชีวิตตามระเบียบหลักเกณฑ์