พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม กล่าวถึงการผ่อนปรนมาตรการในระยะที่ 3 ของศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) (ศบค.) ชุดใหญ่วันพรุ่งนี้ว่า จะมีการยกเลิกบางข้อกำหนดใน พ.ร.ก.ฉุกเฉิน โดยเฉพาะการเดินทางข้ามจังหวัดได้ โดยมีหน่วยงานที่เกี่ยวข้องผู้เชียวชาญด้านสาธารณสุขดูเรื่องนี้อยู่
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า การประกาศใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ตลอดเดือนมิถุนายนก็เพื่อให้ทุกพื้นที่ปลอดภัย แม้จะมีผู้ที่ไม่เห็นด้วย แต่เพื่อควบคุมพื้นที่ไม่ให้เกิดการแพร่ระบาด รัฐบาลพยายามที่ปลดล็อกกิจการ/กิจกรรมระยะที่ 3 ให้ได้มากที่สุด แต่บางสิ่งจำเป็นต้องปิดจึงต้องขอความร่วมมือ เพราะไม่อยากให้เกิดความเจ็บป่วย จึงขอให้อดทน โดยเฉพาะกิจกรรมที่มีความเสี่ยงสูง เพราะตนเองมีหน้าที่ดูแลประชาชนโดยรวม โดยได้หารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอย่างรอบคอบ โดยยึดหลักสำคัญคือ จะต้องป้องกันการแพร่ระบาดของเชี้อโควิด-19 ให้ได้
นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงประชาชนในพื้นที่ภาคใต้ที่มีการเดินทางข้ามแดนเข้ามาก็ต้องเข้าสู่สถานกักกันตัวของรัฐ เพราะหากปล่อยเข้ามาตัวเลขอาจจะเพิ่มสูงขึ้น แต่ก็อยู่ในกรอบที่รัฐบาลและด้านสาธารณสุขดูแลได้ จึงได้มีการเพิ่มจำนวนผู้ที่เดินทางเข้าประเทศเพิ่มขึ้นได้ ซึ่งวันนี้อยู่ที่ 500 คนต่อวัน
นายกรัฐมนตรี ยอมรับว่า มีความเป็นห่วงในเรื่องของเศรษฐกิจ รวมถึงประชาชนผู้มีรายได้น้อย ซึ่งขณะนี้รัฐบาลได้มีการเยียวยาช่วยเหลือไปมากที่สุดแล้ว รวมถึงใช้งบประมาณที่สูงในการดำเนินการครั้งนี้ ดังนั้นจึงจำเป็นต้องหามาตรการที่จะมาผ่อนปรนเพื่อช่วยเหลือทุกกลุ่ม แต่การ์ดจะต้องไม่ตก รวมถึงมาตรการที่ทางรัฐบาล และทางด้านสาธารณสุขออกมาอย่างเข้มงวด โดยเฉพาะมาตรฐานกลางที่รัฐบาลได้วางไว้ ไม่ว่าจะเปิดโรงเรียนหรือสถานที่ต่างๆ ทำการค้าขายก็จะต้องปฏิบัติตามอย่างเคร่งรัด ซึ่งหากร่วมมือกันเช่นนี้ ก็จะเดินหน้าไปสู่การผ่อนคลายในระยะที่ 4 ได้ ซึ่งอยากให้ถึงระยะที่ 4 โดยเร็วที่สุด แต่ก็ต้องระมัดระวังไม่ให้เกิดเหตุการณ์ในต่างประเทศ ต้องค่อยๆ ดำเนินการผ่อนปรน ไม่ปล่อยเร็วเกินไปจนเกิดปัญหา