พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 (ศบค.) เป็นประธานการประชุม ศบค.ชุดใหญ่ พร้อมรัฐมนตรี และหัวหน้าส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง เพื่อพิจารณามาตรการผ่อนคลายในระยะที่ 3 ซึ่งส่วนใหญ่อาจเป็นกิจกรรมและกิจการที่มีความเสี่ยงที่จะแพร่ระบาดอยู่ในเกณฑ์ปานกลางถึงสูง อาทิ โรงภาพยนตร์ทั้งในและนอกห้างสรรพสินค้า รวมถึงโรงละคร โรงมหรสพ ร้านนวดแผนโบราณ ซึ่งต้องปรับรูปแบบการให้บริการอย่างเหมาะสม และเน้นย้ำให้ประชาชนดูแลป้องกันตัวเองอย่างเคร่งครัด เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของโรค
พร้อมกันนี้ ที่ประชุมจะพิจารณาการปรับเวลาเคอร์ฟิวทั่วราชอาณาจักร ซึ่งคาดว่าจะปรับลดเวลาลงอีก 1 ชั่วโมง เป็น 23.00-03.00 น. จากปัจจุบัน 23.00 - 04.00 น. เพื่อให้ประชาชนดำรงชีพและประกอบอาชีพได้สะดวกมากขึ้น
นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงการพิจารณากำหนดมาตรการผ่อนคลายในระยะที่ 3 ขอให้ที่ประชุมร่วมกันพิจารณาอย่างละเอียดรอบคอบ และเมื่อประกาศมาตรการผ่อนคลายแล้วขอให้ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องให้ความสำคัญกับการสร้างการรับรู้ให้ประชาชนเข้าใจวิธีคิด เหตุผลในการผ่อนคลายกิจการ/กิจกรรมใดๆ และมาตรการบริหารในพื้นที่ ตลอดจนตรวจติดตาม และเฝ้าระวังอย่างเข้มงวด
ในส่วนของการเตรียมการเปิดสถานศึกษา และเปิดการเรียนการสอน ต้องพิจารณา ความพร้อมในทุกด้าน บุคลากร ครู และอุปกรณ์การเรียนการสอนให้พร้อม ส่วนระบบการเรียน online ก็จะเป็นการใช้วิกฤตินี้เป็นโอกาส พัฒนาการเรียน online สำหรับพื้นที่ห่างไกล จุดเปราะบาง ลดช่องว่างความเหลื่อมล้ำทางการศึกษาระหว่างเมืองกับชนบท
นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรี อยากให้ทุกฝ่ายเข้าใจถึงเจตนาของการขยายการใช้พ.ร.ก.การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉินรัฐบาลทำเพื่อให้การบริหารสถานการณ์ในภาพรวมของ ศบค. เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ และเป็นเอกภาพ หากสถานการณ์ดีขึ้นในระยะ 4 อาจจะมีการพิจารณายกเลิก พ.ร.ก. ฉุกเฉินฯ
อย่างไรก็ตาม ยังมีความจำเป็นต้องคง พ.ร.ก. ฉุกเฉินฯ ไว้ เพื่อเตรียมพร้อมในการดำเนินมาตรการต่ออย่างราบรื่น เพื่อให้ควบคุมสถานการณ์ต่อไปได้ ดำเนินมาตรการรองรับในขั้นตอนต่อ ๆ ไปได้ เช่น การใช้ พ.ร.บ. โรคติดต่อ