นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 (ศบค.) เปิดเผยสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ในประเทศวันนี้ว่า พบผู้ป่วยยืนยันติดเชื้อรายใหม่ 9 ราย ทำให้จำนวนผู้ป่วยสะสม 3,054 ราย วันนี้มีผู้ป่วยหายป่วยเพิ่มขึ้น 2 รายทำให้จำนวนผู้ป่วยที่รักษาหายแล้วรวม 2,931 ราย และยังมีผู้ป่วยรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาล 66 ราย ขณะที่ไม่มีผู้เสียชีวิตเพิ่ม ทำให้ยอดผู้เสียชีวิตสะสมคงเดิมที่ 57 ราย
สำหรับผู้ป่วยรายใหม่ทั้ง 9 ราย เป็นผู้ที่เดินทางกลับมาจากต่างประเทศ และเข้า State Quarantine โดย 2 รายแรกเป็นชายไทย อายุ 18 และ 27 ปี กลับจากสหรัฐอเมริกา และเข้าพัก State Quarantine ในจ.ชลบุรี และตรวจพบเชื้อเมื่อวันที่ 26 พ.ค. (ไม่มีอาการ)
รายที่ 3 เป็นชายไทย อายุ 34 ปี กลับมาจากประเทศกาตาร์ อาชีพพนักงานนวด เข้าพัก State Quarantine ในจ.สมุทรปราการ มีไข้ ไอ จมูกไม่ได้กลิ่น และตรวจพบเชื้อ วันที่ 25 พ.ค.
ส่วนอีก 6 ราย เป็นนักศึกษาชาย อายุ 23-33 ปี กลับมาจากประเทศซาอุดีอาระเบีย และผ่านทางด่านปะดังเบซาร์เข้าไทย เข้าพัก State Quarantine ที่จ.สงขลา 3 ราย จ.ยะลา 1 ราย และจ.ปัตตานี 1 ราย จ.นราธิวาส 1 ราย โดย 4 ราย มีอาการไข้ ไอ เจ็บคอ มีเสมหะ ส่วนอีก 2 รายไม่มีอาการ ตรวจพบเชื้อเมื่อวันที่ 25 พ.ค.
นพ.ทวีศิลป์ กล่าวว่า ผู้ป่วย 2 รายแรก ไม่มีอาการอะไรเลย แต่วันที่จะออกจากสถานกักกันแล้ว ได้มีการตรวจหาเชื้อหลังโพรงจมูกซ้ำอีกครั้ง เป็นการเช็คเพื่อความมั่นใจ และมาตรวจเจอเชื้อ ดังนั้น ผู้ป่วย 2 รายนี้จะต้องเข้าไปรักษาพยาบาลต่ออีก 14 วัน แต่ยังจะไม่มีการขยายระยะเฝ้าระวังโรคเป็น 21 หรือ 28 วัน และยังคงมีการตรวจเชื้อก่อนเข้าและออกเหมือนเดิม แต่ที่ประชุมได้หารือกันว่าอาจจะต้องมีการศึกษาย้อนหลังกลับไปในทฤษฎีการกักกันโรค 14 วัน อาจไม่ใช่แล้ว
ส่วนผู้ป่วยที่เป็นพนักงานนวด ทำให้มีการตั้งข้อสังเกตในเรื่องของอาชีพที่มีการสัมผัสใกล้ชิดกันมาก ดังนั้น จึงฝากให้ผู้ประกอบอาชีพนี้ต้องมีความระมัดระวังตนเอง และรักษาสุขลักษณะส่วนตัว
ในส่วน 6 ราย ที่เดินทางผ่านด่านปะดังเบซาร์มาเข้าประเทศไทยนั้น วันนี้อาจมีความขลุกขลักบ้าง เพราะทางมาเลเซียอาจจะปิดด่านปะดังเบซาร์ เหมือนที่ได้ปิดด่านสะเดาที่มีการติดเชื้อไปแล้ว
"ฝากถึงคนไทยที่ยังอยู่ในมาเลเซีย หากใครอยากกลับมาขอให้รีบติดต่อสถานทูต สถานกงสุล"
นพ.ทวีศิลป์ กล่าวว่า ในวันพรุ่งนี้ทางกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส) จะเปิดตัวแอพพลิเคชั่น"ไทยชนะ" แทนแพลตฟอร์มไทยชนะ เพื่อแก้ปัญหาการเช็คอินแล้วลืมเช็คเอาท์
โดยขณะนี้มีการลงทะเบียนกิจการเพิ่มขึ้นเป็น 116,175 ร้าน ผู้ใช้งาน 13,769,194 คน ส่วนการใช้งานพบว่า การเช็คอินมี 34 ล้านครั้ง เช็คเอาท์ 23 ล้านครั้ง มีส่วนต่างถึง 10 ล้านครั้งแล้ว จากปัญหาการลืมเช็คเอาท์
ส่วนความคืบหน้าการผ่อนคลายระยะที่ 3 นั้น นพ.ทวีศิลป์ กล่าวว่า บ่ายนี้ คณะกรรมการเฉพาะกิจพิจารณาผ่อนคลายการบังคับใช้มาตรการในการป้องกันและยับยั้งการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19 จะมีการประชุมหารือถึง กิจการ/กิจกรรม ที่จะสามารถผ่อนคลายได้มากขึ้น โดยเน้นการเปิดสถานประกอบการเพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชน โดยเฉพาะผู้ประกอบการรายย่อย โดยอาจมีกิจการ/กิจกรรมที่มีความเสี่ยงสูงมาอยู่ในนี้ด้วย แต่ยังไม่ยืนยันว่ามีกิจการ/กิจกรรมใดบ้าง เพราะยังต้องมีการพิจารณาให้บาลานซ์กันระหว่าง ผู้ที่จะผ่อนคลาย และ ผู้ที่ต้องดูในเรื่องของสุขภาพด้วย
"ยังไม่ยืนยันจนกว่าจะนำเข้าที่ประชุมศบค.ชุดใหญ่ ขอให้รอมติภายในสัปดาห์นี้ อย่างไรก็ตาม ชุดข้อมูลยังแสดงให้เห็นว่าไม่ควรนิ่งนอนใจถึงแม้ว่าสถานการณ์ผู้ป่วยติดเชื้อจะน้อยลง เพราะอาจมีผู้ป่วยหลายคนที่ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 แต่ไม่แสดงอาการ จึงขอให้ประชาชนช่วยกันปฏิบัติตามมาตรการหลักในช่วงเวลา 1 เดือนนี้ เพื่อให้สามารถผ่อนคลายมาตรการในระยะที่ 3 ได้ และง่ายต่อการผ่อนคลายมาตรการในระยะที่ 4 ด้วย พร้อมฝากไปถึงผู้ประกอบกิจการที่มีกิจการ/กิจกรรม จัดอยู่ในกลุ่มเสี่ยงสูง หากมีมาตรการป้องกันหรือนวัตกรรมใหม่ ๆ ที่สร้างความมั่นใจได้ก็สามารถเสนอต่อ ศบค. เพื่อเปิดกิจการและเป็นหน้าที่ของภาครัฐที่จะทำหน้าที่ดูแล ควบคุม เพื่อไม่ให้เกิดการแพร่ระบาด
แม้พ.ร.ก.การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน จะขยายระยะเวลาออกไป เพราะหลายมาตรการต้องต่อเนื่อง แต่ก็เน้นผ่อนคลาย กิจการ/กิจกรรม ของประชาชนให้ได้มากที่สุด โดยรักษาสมดุลระหว่างสุขภาพและเศรษฐกิจ ยืนยันว่าการใช้ พ.ร.ก. ฉุกเฉินฯ นั้น เป็นเพื่อการดูแลความปลอดภัยด้านสุขภาพของประชาชน ไม่ใช่เพื่อผลประโยชน์ด้านอื่น และหลังจาก 30 มิ.ย.นี้ ถ้าสถานการณ์ดีขึ้นเป็นไปได้ที่จะมีการพิจารณาคลายล็อกระยะที่ 4 และอาจจะมีการยกเลิกพ.ร.ก.ฉุกเฉิน ซึ่งเป็นการใช้ชีวิตเป็นปกติวิถีใหม่ ถึงตอนนั้นก็ไม่ต้องมีกฎหมายอะไรมาบังคับหรือดูแล ประชาชน
นพ.ธนรักษ์ ผลิพัฒน์ รองอธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า จากข้อมูลผู้ที่เดินทางเข้าประเทศและเข้ารับการเฝ้าระวังกักกันในสถานที่รัฐจัดให้ทั้งในส่วนกลางและต่างจังหวัด ตั้งแต่เดือนก.พ.- 27 พ.ค. มีผู้เข้ารับการเฝ้าระวังกักตัวทั้งหมด 26,752 ราย ในจำนวนนี้เป็นคนไทย 20,259 ราย พบผู้ติดเชื้อรวม 117 ราย โดยเป็นผู้ที่เดินทางมาจาก 18 ประเทศ ส่วนใหญ่เดินทางมาจากประเทศอินโดนีเซีย ปากีสถาน ซาอุดีอาระเบีย
โดยในการทำการคัดกรองผู้เดินทางตั้งแต่สนามบินและด่านชายแดนต่างๆ เป็นไปตามหลักเกณฑ์ที่กรมควบคุมโรคกำหนดอย่างเคร่งครัด หากมีอาการเข้าเกณฑ์สอบสวนโรค (PUI) เช่น มีไข้ ไอ อาการระบบทางเดินหายใจจะถูกส่งไปโรงพยาบาลที่กำหนดไว้ ส่วนผู้ที่ไม่มีอาการจะถูกส่งตัวไปยัง State Quarantine เพื่อเฝ้าระวังติดตามอาการจนครบ 14 วัน สำหรับการเก็บตัวอย่างทางเดินหายใจส่งตรวจทางห้องปฏิบัติการเพื่อหาเชื้อโควิด 19 กำหนด 2 ครั้ง โดยครั้งที่ 1 ประมาณวันที่ 3 – 5 และครั้งที่ 2 ประมาณวันที่ 11 – 13 ของการกักตัว หากผู้เข้ารับการกักตัวมีอาการไข้ ไอ มีน้ำมูก เจ็บคอ หอบเหนื่อย หรือคัดกรองพบการติดเชื้อ จะถูกส่งไปยังสถานพยาบาลที่กระทรวงสาธารณสุขกำหนด เพื่อเข้ารับการรักษาทันทีเพื่อป้องกันการแพร่เชื้อในชุมชน
นพ.ธนรักษ์ กล่าวว่า ขณะนี้ประเทศไทยยังถือว่าปิดประเทศอยู่ คนที่เดินทางเข้ามาได้คือคนที่ต้องการเดินทางกลับมาจากต่างประเทศก็จัดให้มีคนเดินทางเข้าประเทศวันละไม่มากจนเกินไป เพื่อให้สามารถจัดการได้อย่างเหมาะสม