นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 (ศบค.) เปิดเผยสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ในประเทศวันนี้ว่า พบผู้ป่วยยืนยันติดเชื้อรายใหม่ 1 ราย จาก State Quarantine ซึ่งเป็นผู้ที่เดินทางกลับจากซาอุดิอาระเบีย โดยผู้ป่วยยืนยันสะสมอยู่ที่ 3,083 ราย ผู้ป่วยรักษาหายเพิ่ม 1 ราย ทำให้มีจำนวนผู้ป่วยรักษาหายแล้วรวม 2,966 ราย และยังมีผู้ป่วยรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาล 59 ราย ขณะที่มีผู้เสียชีวิตเพิ่ม 1 ราย ทำให้ยอดผู้เสียชีวิตสะสมที่ 58 ราย
สำหรับผู้ป่วยรายใหม่ เป็นนักศึกษาชายไทย อายุ 32 ปี เดินทางกลับจากประเทศซาอุดิอาระเบีย ผ่านด่านปาดังเบซาร์เข้าไทย และเข้าพัก State Quarantine จ.สงขลา ผลตรวจวันที่ 25 พ.ค. ไม่พบเชื้อ เริ่มป่วยวันที่ 30 พ.ค. ตรวจพบเชื้อวันที่ 31 พ.ค. เข้ารับการรักษารพ.ในจ.สงขลา
ส่วนผู้เสียชีวิตวันนี้ เป็นเพศชาย สัญชาติไทย อายุ 80 ปี มีโรคประจำตัว หอบหืด เข้ารับการรักษาในรพ.สุไหงโก-ลก จ.นราธิวาส เพื่อรับการผ่าตัดสะโพก ไม่มีอาการ เมื่อเข้าพักฟื้นในหอผู้ป่วยพิเศษรวม มีประวัติสัมผัสผู้ป่วยยืนยัน ซึ่งเป็นผู้ป่วยในหอเดียวกัน เก็บตัวอย่างตรวจพบเชื้อ โดยที่บุตรสาวและบุตรเขยติดเชื้อจากการมาเฝ้าไข้ที่รพ. ต่อมาผู้ป่วยมีระดับออกซิเจนลดลง สงสัยปอดอักเสบ จึงส่งตัวไปรักษาที่รพ.นราธิวาสราชนครินทร์ ระหว่างรักษาอาการทรุดลง มีภาวะหายใจล้มเหลวเฉียบพลัน ร่วมกับภาวะไตวายเฉียบพลัน และเสียชีวิตในวันที่ 1 มิ.ย. เวลา 08.40 น. จากปอดอักเสบจากการติดเชื้อโควิด-19
นพ.ทวีศิลป์ กล่าวถึงการนำคนไทยตกค้างกลับจากต่างประเทศนั้น วันนี้จะมีคนไทยเดินทางกลับจากต่างประเทศรวม 450 คน โดยมาจากสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ 290 คน, ญี่ปุ่น 110 คน และเกาหลีใต้ 50 คน ส่วนวันพรุ่งนี้ (3 มิ.ย.) จะมีคนไทยเดินทางกลับมารวม 427 คน กลับจากเนเธอร์แลนด์ 72 คน, อินเดีย 220 คน และมาดากัสการ์ 135 คน
ทั้งนี้ ยอดสะสมของผู้ที่เดินทางมาจากต่างประเทศและเข้าพักอยู่ในสถานที่กักกันตัวของรัฐ (State Quarantine และ Local Quarantine) ตั้งแต่วันที่ 3 เม.ย. - 1 มิ.ย.63 มียอดสะสมรวม 30,730 คน จำนวนกลับบ้านแล้วสะสม 20,904 คน ตรวจพบเชื้อสะสม 145 คน ซึ่งในจำนวนนี้รักษาหายและกลับบ้านแล้ว 97 คน
นพ.ทวีศิลป์ ยังกล่าวถึงภาพรวมการใช้งานแพลตฟอร์ม/แอปพลิเคชั่นไทยชนะว่า ข้อมูลล่าสุดจนถึงวันที่ 1 มิ.ย.63 มีจำนวนร้านค้า/กิจกรรม ที่ลงทะเบียนแล้วทั้งสิ้น 141,561 ร้านค้า มีจำนวนผู้ใช้งาน 19.35 ล้านคน แบ่งเป็น การใช้งานผ่านแพลตฟอร์มไทยชนะ 19.28 ล้านคน และใช้งานผ่านแอปพลิเคชั่นไทยชนะ 79,733 คน
ด้านการออกตรวจกิจการ/กิจกรรม ของศูนย์ปฏิบัติการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินด้านความมั่นคง (ศปม.) ภายหลังการผ่อนคลายมาตรการในระยะที่ 3 พบว่าในวันที่ 1 มิ.ย. ได้ส่งชุดออกตรวจทั้งสิ้น 20,038 แห่ง พบว่าร้านค้า/กิจการส่วนใหญ่ถึง 20,027 แห่ง ปฏิบัติตามมาตรการที่ทางการกำหนด โดยมีร้านค้า/กิจกรรมเพียง 11 แห่ง หรือคิดเป็น 0.05% เท่านั้นที่ปฏิบัติไม่ครบ และไม่พบว่ามีร้านหรือกิจการใดที่ไม่ปฏิบัติตามมาตรการเลย คิดเป็น 0%
"วันนี้ได้มีการประชุม ศบค.ชุดเล็ก ซึ่งได้พูดคุยภายหลังจากที่ผ่อนคลายมาตรการระยะ 3 พบว่าในวันแรกถือว่ามีคะแนนดี-ดีมาก ต้องขอขอบคุณประชาชนทุกคน ที่สามารถเข้าสู่การผ่อนคลายในระยะที่ 3 ได้เป็นอย่างดี" โฆษก ศบค.ระบุ
นพ.ทวีศิลป์ กล่าวย้ำถึงกรณีมีข่าวเรื่องการนำวันหยุดชดเชยช่วงสงกรานต์มาอยู่ในช่วงเดือนก.ค.ว่า ขณะนี้เรื่องดังกล่าวยังไม่มีข้อสรุปหรือความคืบหน้าใดๆ ที่ชัดเจนออกมา ซึ่งเรื่องนี้ต้องรอให้นายกรัฐมนตรี และคณะรัฐมนตรี (ครม.) เป็นผู้พิจารณาให้ความเห็นชอบ
"ยืนยันว่ายังไม่มีมติใดๆ ที่จะออกมาว่า วันหยุดที่ค้างจากสงกรานต์จะถูกพิจารณาในเดือนนี้ หรือเดือนหน้า ผมเพียงแค่บอกว่าวันนี้ถ้าเราทำดีที่สุด จะกำหนดชะตาชีวิตของวันข้างหน้า ทั้งนี้ เป็นอำนาจของนายกรัฐมนตรี และคณะรัฐมนตรีที่จะเห็นชอบหรือมีมติอย่างใดอย่างหนึ่ง เรื่องนี้ ศบค.ดูแลแค่ด้านการควบคุมโรค ตอนนี้ยังไม่มีความคืบหน้าใดๆ ให้รอดูการประชุมต่อไป ตอนนี้ยังไม่สามารถตอบได้" โฆษก ศบค.ระบุ
นพ.อนุพงศ์ สุจริยากุล ผู้ทรงคุณวุฒิ กรมควบคุมโรค กล่าวว่า จากสถานการณ์ผู้ติดเชื้อของประเทศไทยในช่วง 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา มีผู้ติดเชื้อรายใหม่ จำนวน 50 ราย โดย 92% หรือ 46 ราย เป็นผู้ที่เดินทางจากต่างประเทศและได้เข้ากักตัวอยู่ในสถานที่รัฐจัดให้ (State Quarantine) ส่วนที่เหลืออีก 4 ราย ติดเชื้อในประเทศ (เป็นผู้สัมผัสใกล้ชิด 1 ราย, ไปในสถานที่ชุมชน 3 ราย)
อย่างไรก็ตาม การพบผู้ติดเชื้อน้อย หรือไม่พบเลยในบางพื้นที่ ไม่ได้สรุปว่าจะไม่มีผู้ติดเชื้อปะปนอยู่ในพื้นที่นั้นๆ ผนวกกับขณะนี้รัฐบาลได้ผ่อนปรนมาตรการ หลายคนได้มาใช้ชีวิตตามปกติ ออกทำงานนอกบ้าน อาจทำให้เพิ่มโอกาสเสี่ยงในการสัมผัสเชื้อได้ ขอให้ทุกคนคงเข้มการป้องกันตัวเองสวมหน้ากากอนามัย/หน้ากากผ้าทุกครั้งที่ออกนอกบ้าน ล้างมือบ่อยๆ ให้เว้นระยะห่างระหว่างผู้อื่น 1-2 เมตร ไม่นำมือมาสัมผัสใบหน้า ตา จมูก ปาก ขณะนี้มีหลายคนสวมเฟซชิลด์โดยไม่สวมหน้ากากอนามัย/หน้ากากผ้า นอกจากจะไม่ช่วยป้องกันตัวเองจากเชื้อโควิด-19 แล้ว หากติดเชื้อหรือป่วยจะแพร่เชื้อให้ผู้ที่อยู่รอบข้างได้ ดังนั้น วิธีสวมเฟซชิลด์ที่ถูกต้องที่ป้องกันการติดเชื้อได้ ต้องสวมหน้ากากอนามัย/หน้ากากผ้าร่วมด้วย และหลีกเลี่ยงการเดินทางไปในสถานที่แออัดเพื่อลดความเสี่ยงในการสัมผัสเชื้อ
สำหรับมาตรการผ่อนปรนในระยะที่ 3 ซึ่งเริ่มไปเมื่อวันที่ 1 มิ.ย.ที่ผ่านมา และมีกิจการ/กิจกรรมหลายแห่งกลับมาเปิดให้ บริการได้ ขณะที่ประเทศไทยพบผู้ป่วยคนไทยที่เดินทางกลับมาจากต่างประเทศ ดังนั้น การจะเปิดกิจการ/กิจกรรมทุกประเภทให้ได้หมดทุกอย่าง หรือ ให้เป็นปกติ ประชาชนต้องช่วยกันเพื่อไม่ให้เกิดการระบาดรอบ 2 และจะต้องหลีกเลี่ยงไปในพื้นที่มีคนหนาแน่น เนื่องจากอาจมีผู้มีเชื้อแต่ไม่แสดงอาการปะปนอยู่
"การผ่อนปรนระยะที่ 3 เป็นกิจการ/กิจกรรมที่มีความเสี่ยงปานกลางไปถึงสูง ซึ่งหมายถึงหากไม่มีการระมัดระวัง ก็จะ ปัญหาความแออัด ผู้คนชุมนุมหนาแน่น เช่น การแสดงสินค้า การเปิดศูนย์ประชุม นิทรรศการ อีเว้นท์...อยากจะย้ำว่าเราการ์ดตกไม่ ได้ มันอาจจะมาเซอร์ไพรส์เราได้ องค์การอนามัยโลกได้เตือนประเทศที่มีการเปิดเมืองว่าโควิด-19 จะมาเซอร์ไพรส์เราเมื่อไรก็ได้ รวมถึงประเทศที่เปิดแล้วก็ห้ามการ์ดตก" นพ.อนุพงศ์ กล่าว