พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม กล่าวถึงแนวโน้มการคลายล็อกในกิจกรรม/กิจการ ระยะที่ 4 ว่า อยู่ระหว่างการพิจารณา แต่ต้องนำเหตุการณ์ เช่น กรณีประชาชนแห่ไปเที่ยวที่บางแสนเป็นจำนวนมากมาประกอบพิจารณาว่าจะเกิดเหตุการณ์เช่นนี้อีกหรือไม่ โดยเห็นภาพแล้วรู้สึกไม่สบายใจ ซึ่งหากสถานการณ์ดีขึ้นก็จะคลายล็อกระยะที่ 4 ให้ แต่หากยังมีความเสี่ยงอยู่อาจจะพิจารณาห้ามไว้ก่อน และจำเป็นต้องยืดระยะเวลาออกไปอีก
นายกรัฐมนตรี ระบุว่า ขณะนี้ยังไม่มีสิ่งใดชัดเจน เพราะไม่ทราบอนาคตว่าจะเกิดอะไรขึ้น จึงต้องเตรียมพร้อมสำหรับแผนสำรองเสมอ ดังนั้นการทำงานต่างๆ จะมีแผนปฏิบัติการ แผนเผชิญเหตุ และสมมุติฐานที่เกิดขึ้น ทั้งหมดนี้คือแผนของรัฐบาลที่ดำเนินการ โดยเฉพาะตนเองนำมาใช้ในขณะที่เป็นทหาร จึงนำเอาวิธีการเหล่านี้มาบริหารตรงนี้ด้วย เพื่อให้เกิดผลสัมฤทธิ์ที่จับต้องได้
พร้อมระบุว่า หากสถานที่ท่องเที่ยวมีคนไปจำนวนมากก็อาจเปลี่ยนไปท่องเที่ยวในสถานที่อื่นๆ ชายหาดอื่น หากอยากสูดโอโซน หรือจอดรถริมทะเลก็ได้ เพราะจะไม่คุ้มหากสนุกเพียงชั่วคราวและต้องติดโควิด-19 ขึ้นมา ทำให้เดือดร้อนกันทั้งหมด
ส่วนคนไทยที่เดินทางกลับจากต่างประเทศนั้นได้มีการเพิ่มจำนวนขึ้น ซึ่งรัฐบาลต้องจัดหาสถานที่รองรับในการกักกันตัว ซึ่งที่ผ่านมาได้ให้ทยอยเดินทางกลับในตัวเลขที่รัฐสามารถควบคุมได้ โดยการบริหารจัดการของรัฐ เพราะทุกคนคือคนไทย