พญ.พรรณประภา ยงค์ตระกูล ผู้ช่วยโฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 (ศบค.) เปิดเผยสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ในประเทศวันนี้ว่า พบผู้ป่วยยืนยันติดเชื้อรายใหม่ 2 ราย จาก State Quarantine ซึ่งเป็นผู้ที่เดินทางกลับจากต่างประเทศ ขณะที่ไม่พบผู้ติดเชื้อในประเทศ หรือเป็นศูนย์รายต่อเนื่องกันเป็นวันที่ 15
"มีการถามว่าตอนนี้เรามีจำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่ในประเทศเป็น 0 รายติดต่อกันมา 15 วันแล้ว สถานการณ์ปลอดภัย ปลอดเชื้อหรือยัง สามารถกลับไปใช้ชีวิตได้ตามปกติหรือยัง ขอตอบในทางหลักการระบาดวิทยาปกติจะใช้ 2 เท่าของระยะเวลาฟักตัวที่ยาวที่สุดของโรค จึงปลอดภัย โดยโควิด-19 ระยะเวลาฟักตัวอยู่ที่ 14 วัน ดังนั้น 2 เท่า คือ 28 วัน เพราะฉะนั้นอาจจะต้องรอให้พ้น 28 วันไปก่อนจึงจะเรียกว่าระยะที่มีความเสี่ยงต่ำ"
อย่างไรก็ตาม หลายประเทศมีการระบาดระลอกใหม่เป็นระลอกที่ 2 เป็นการะบาดแบบกลุ่มและส่วนใหญ่ไม่มีอาการ อย่างผู้ป่วยในสถานกักกันของรัฐส่วนใหญ่ก็ไม่มีอาการเช่นกัน ดังนั้น จึงต้องเฝ้าระวัง เพื่อไม่ให้เกิดการแพร่ระบาดของเชื้อ ต้องสวมหน้ากากอนามย ล้างมือบ่อยๆ รักษาระยะห่างทางสังคม
สำหรับผู้ป่วยยืนยันสะสมล่าสุดอยู่ที่ 3,121 ราย รักษาหายเพิ่มขึ้น 1 ราย และยังมีผู้ป่วยรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาล 90 ราย ขณะที่ไม่มีผู้เสียชีวิตเพิ่ม ทำให้ยอดผู้เสียชีวิตสะสมอยู่ที่ 58 ราย
ผู้ติดเชื้อรายใหม่ในวันนี้ รายแรกเป็นนักศึกษาชายไทยวัย 22 ปี เดินทางกลับมาจากซาอุดีอาราเบียเมื่อวันที่ 25 พ.ค.มีอาการไข้ แต่ตรวจครั้งแรกไม่พบเชื้อ ต่อมาตรวจครั้งที่ 2 เมื่อวันที่ 7 มิ.ย.หรือ 14 วันหลังจากเดินทางกลับมาพบว่าติดเชื้อโควิด-19 โดยเข้าพักรักษาอาการที่ รพ.ในจังหวัดปัตตานี
ส่วนรายที่ 2 เป็นหญิงไทยวัย 31 ปี อาชีพนักงานบริษัท เดินทางกลับมาจากเนเธอร์แลนด์ตั้งแต่วันที่ 3 มิ.ย.เข้าพักในโรงแรมแห่งหนึ่งใน กทม. ตรวจครั้งที่ 1 ผลบวกไม่ชัดเจน และเข้ารักษาตัวใน รพ.นพรัตน์ฯ ใน กทม.จากนั้นในวันที่ 8 มิ.ย.ตรวจซ้ำพบว่าติดเชื้อโควิด-19
พญ.พรรณประภา กล่าวว่า ตั้งแต่เดือน ก.พ.จนถึง 9 มิ.ย.63 พบผู้ป่วยในสถานที่เฝ้าระวังของรัฐรวม 184 ราย อัตราป่วยตามประเทศต้นทาง ประเทศที่พบมากที่สุด คือ คูเวต ซาอุดิอาระเบีย และอินโดนีเซีย
ด้านสถานการณ์ทั่วโลกวันนี้ มีผู้ป่วยเกือบ 7.2 ล้านราย เพิ่มขึ้น 1 แสนราย เสียชีวิตเพิ่ม 2,502 ราย รวมกว่า 4.08 แสนราย ประเทศไทยอันดับตกลงมาจาก 81 มาอันดับ 83 ซึ่งประเด็นที่น่าสนใจของต่างประเทศ คือ นิวซีแลนด์ ซึ่งมีมาตรการล็อกดาวน์เข้มงวดสุดในโลกไม่ให้คนออกจากบ้าน ให้ออกจากบ้านเมื่อจำเป็น ตอนนี้ประกาศยุติมาตรการเว้นระยะห่างทางสังคม หลังไม่มีผู้ติดเชื้อ และผู้ติดเชื้อคนสุดท้ายรักษาหายแล้ว โดยไม่พบผู้ติดเชื้อรายใหม่ 17 วัน
สำหรับมาตรการกระตุ้นการท่องเที่ยวในประเทศ พญ.พรรณประภา กล่าวว่า นายลวรณ แสงสนิท ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง เปิดเผยว่า กระทรวงการคลังและกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาจะใช้มาตรการกระตุ้นการท่องเที่ยในประเทศเพื่อช่วยฟื้นฟูเศรษฐกิจในประเทศหลังจากการแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 ทำให้รัฐบาลจำเป็นต้องออกมาตรการล็อกดาวน์ ซึ่งกระทบต่อการท่องเที่ยวและการบริโภคในประเทศ โดยจังหวะเวลาที่เหมาะสมในการเริ่มมาตรการคือ ช่วงเดือน ก.ค.เป็นต้นไป เนื่องรัฐบาลจะให้มีวันหยุดชดเชยวันสงกรานต์ในช่วงเดือน ก.ค.นี้
ทั้งนี้ มาตรการที่จะออกมานั้น เช่น การแจกบัตรกำนัล การเสนอให้แจกเงินคนละ 3,000 บาทเพื่อท่องเที่ยวภายในประเทศ มาตรการที่ออกมาจะต้องให้ผู้ประกอบการท่องเที่ยว เช่น โรงแรม และร้านอาหาร เข้าร่วมจัดโปรโมชั่น ลดราคาต่างๆ เพื่อสนับสนุนมาตรการภาครัฐ และจูงใจให้ประชาชนตัดสินใจท่องเที่ยวด้วย เช่น การลดราคาเพื่อให้คนเข้าใช้บริการมากขึ้น เป็นต้น
พญ.พรรณประภา กล่าวทิ้งท้ายว่า ที่ผ่านมามีการทำงานที่บ้านในช่วงล็อกดาวน์ แต่หลังจากมีมาตรการผ่อนคลาย 3 ระยะ หน่วยงานภาครัฐและเอกชนก็เริ่มให้กลับมาทำงานตามปกติมากขึ้น ทำให้มีโอกาสจะเจอปัญหาจากการรับประทานอาหารกลางวันในสถานที่ที่อาจมีความแออัด จึงขอให้สวมหน้ากากอนามัย พกแอลกอฮอล์เจล แอลกอฮอล์สเปรย์ติดไปด้วย
ส่วนการเว้นระยะห่างทางสังคมอาจทำได้ยากขึ้นจากการที่คนไปทำงานมากขึ้น ศูนย์อาหารคนก็มากขึ้น ดังนั้น หากเห็นมีคนมากแล้วก็อาจซื้อแล้วกลับมาทานที่ทำงาน หรือนำอาการมาทานเองจากที่บ้าน นอกจากนี้ผู้ประกอบการอาจปรับระยะเวลาในการลงมาพักกลางวัน เป็นเหลื่อมเวลา เช่น 11 โมง 11 โมงครึ่ง เที่ยงครึ่ง และบ่ายโมง ซึ่งร้านอาหารก็ยังเปิดอยู่ ก็จะช่วยลดความหนาแน่นของผู้คนที่ลงมารับประทานอาหารกลางวันได้
"ฝากไว้เหมือนเดิมคือสวมหน้ากากอนามัย ล้างมือบ่อยๆ รักษาระห่างทางสังคม"พญ.พรรณประภา กล่าว