นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 (ศบค.) เปิดเผยสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ในประเทศวันนี้ว่า ไม่พบผู้ป่วยยืนยันติดเชื้อรายใหม่ ทั้งภายในประเทศ และจากสถานกักกันตัวของรัฐ (State Quarantine)
สำหรับผู้ป่วยยืนยันสะสมล่าสุดอยู่ที่ 3,135 ราย จำนวนผู้ป่วยรักษาหายแล้วรวม 2,987 ราย และยังมีผู้ป่วยรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาล 90 ราย ขณะที่ไม่มีผู้เสียชีวิตเพิ่ม ทำให้ยอดผู้เสียชีวิตสะสมอยู่ที่ 58 ราย
"ขณะนี้ ถือว่ายอดการติดเชื้อในประเทศไทยเป็น 0 ต่อเนื่องกัน 21 วัน หรือ 3 สัปดาห์ติดต่อกันแล้ว ไม่มีผู้ป่วยในประเทศเพิ่มขึ้น ต้องขอขอบคุณทุกคนที่เหน็ดเหนื่อยมาด้วยกัน" โฆษก ศบค.กล่าว
พร้อมระบุว่า หลังจากที่วันนี้ได้เริ่มผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์ ระยะที่ 4 ซึ่งเปิดให้กิจการ/กิจกรรม ที่มีความเสี่ยงสูงสามารถกลับมาเปิดให้บริการได้นั้น หลายฝ่ายยังมีความกังวลถึงการกลับมาระบาดระลอกสอง และกังวงว่าไทยจะสามารถรักษาสถานการณ์ปลอดเชื้อภายในประเทศไว้ได้ต่อไปหรือไม่ ซึ่งคงต้องอาศัยบทเรียนจากในต่างประเทศมาร่วมเป็นกรณีศึกษา
"เราต้องเรียนรู้กับประเทศที่เขาเดินหน้ามาก่อนเรา ว่าเราจะต้องระวังตัวอย่างไร สิ่งที่ไทยต่างจากประเทศอื่น และทำให้เราเป็นอันดับ 1 ในเอเชียที่สามารถจัดการและควบคุมโรคโควิดได้ นั่นคือการที่เราใส่ mask กันตลอดเวลา นี่คือสิ่งที่ช่วยป้องกันการแพร่ระบาดได้เป็นอย่างดี" นพ.ทวีศิลป์ระบุ
อย่างไรก็ดี จากการที่ระยะหลังไม่พบการติดเชื้อภายในประเทศ แต่จำนวนผู้ติดเชื้อที่เพิ่มขึ้นส่วนใหญ่เป็นผู้ที่เดินทางกลับจากต่างประเทศ และถูกกักตัวอยู่ใน State Quarantine นั้น ย่อมทำให้เกิดความกังวลถึงการรับตัวคนไทยกลับมาจากต่างประเทศ ซึ่งขณะนี้ยังมีคนไทยในต่างประเทศอีกจำนวนมากที่ลงทะเบียนรอที่จะเดินทางกลับเข้าไทย
สำหรับข้อมูลจากกระทรวงสาธารณสุข พบว่า 10 อันดับแรกของประเทศที่คนไทยเดินทางกลับมาอยู่ใน State Quarantine แล้ว มีอัตราตรวจพบการติดเชื้อโควิดมากที่สุด คือ 1.คูเวต 2.อินโดนีเซีย 3.ปากีสถาน 4.ซาอุดิอาระเบีย 5.กาตาร์ 6.คาซัคสถาน 7.สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (UAE) 8.รัสเซีย 9.มาเลเซีย และ 10.ตุรกี
ส่วนการรับคนไทยตกค้างที่จะเดินทางกลับมาจากต่างประเทศนั้น ในวันนี้มีจำนวน 470 คน และพรุ่งนี้ (16 มิ.ย.) อีก 553 คน โดยวันนี้ จะมาจากอินเดีย 191 คน, สหราชอาณาจักร 250 คน และสิงคโปร์ 29 คน ส่วนพรุ่งนี้จะมาจากแอฟริกาใต้ 161 คน, ญี่ปุ่น 192 คน, อุซเบกิสถาน 44 คน และกาตาร์ 156 คน
นพ.ทวีศิลป์ กล่าวถึงการจะทบทวนการทำ "travel bubble" หรือการจับคู่ประเทศเพื่อเชื่อมการเดินทางระหว่างประเทศที่จัดการไวรัสโควิด-19 ได้ดีในระดับเดียวกันหรือไม่ หลังจากเริ่มพบว่ามีหลายประเทศอาจมีการกลับมาระบาดของไวรัสโควิดระลอก 2 นั้น ยอมรับว่า ประเด็นนี้เป็นเรื่องที่หน่วยงานที่เกี่ยวข้องยังมีความกังวล ซึ่งจำเป็นต้องมีการพิจารณาและชั่งน้ำหนักอย่างละเอียดรอบคอบระหว่างการเปิดให้มี travel bubble กับไม่ได้เปิด แบบไหนจะมีความปลอดภัยมากกว่ากัน
"การเปิด Travel bubble จะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจได้มากน้อยเพียงใด มี 2 ด้านที่ต้องคิดและชั่งน้ำหนักให้รอบคอบ ระหว่างด้านสุขภาพ กับด้านเศรษฐกิจ ต้องดูเศรษฐกิจที่จะขับเคลื่อนไปข้างหน้า กับเศรษฐกิจที่จะถดถอยจากการที่มีคนป่วย และเสียเงินจำนวนมากในการรักษา ต้องคิดให้รอบคอบหลายขั้นตอน ถ้าจะมี travel bubble ต้องมีเรื่องการติดตามตัวอย่างมีระบบ" โฆษก ศบค.ระบุ
ส่วนกรณีที่ประเทศจีนพบการระบาดของไวรัสโควิดอีกครั้ง ซึ่งมีต้นตอมาจากตลาดขายปลาในกรุงปักกิ่ง และทำให้ต้องนำผู้ที่เกี่ยวข้องกับตลาดดังกล่าวไปตรวจหาเชื้อโควิดนับหมื่นคนนั้น นพ.ทวีศิลป์ กล่าวว่า สถานการณ์ดังกล่าวสร้างความวิตกกังวลต่อการบริโภคเนื้อปลา โดยเฉพาะแซลมอน ซึ่งแม้ขณะนี้ประเทศไทยยังไม่มีรายงานการพบเชื้อไวรัสโควิดในปลาแซลมอน แต่อย่างไรก็ดี ขอฝากเตือนไปยังประชาชนว่าการรับประทานปลาแซลมอนยังทำได้ แต่เพื่อความปลอดภัยควรจะบริโภคแบบปรุงสุกแล้วเท่านั้น ขณะที่การตรวจสอบตลาดสดในประเทศไทย ยังคงเป็นไปตามหลักปฏิบัติอย่างต่อเนื่อง หากประชาชนพบเห็นว่าตลาดใดไม่ถูกสุขอนามัย และเสี่ยงจะเป็นแหล่งแพร่กระจายของโรค สามารถแจ้งเบาะแสเข้ามาได้ ซึ่งจะมีทีมเจ้าหน้าที่ลงไปตรวจสอบอย่างเข้มงวด