พญ.พรรณประภา ยงค์ตระกูล ผู้ช่วยโฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 (ศบค.) เปิดเผยสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ในประเทศวันนี้ว่า ไม่พบผู้ติดเชื้อโควิด-19 รายใหม่ในประเทศ โดยไม่พบผู้ป่วยในประเทศต่อเนื่องมา 3 สัปดาห์แล้ว
สำหรับผู้ป่วยยืนยันสะสมล่าสุดอยู่ที่ 3,135 ราย เป็นผู้ป่วยในประเทศ 2,444 ราย และผู้ป่วยในสถานเฝ้าระวัง State Quarantine จำนวน 198 ราย วันนี้มีผู้ป่วยรักษาหายเพิ่มอีก 6 ราย ทำให้จำนวนผู้ป่วยรักษาหายแล้วรวม 2,993 ราย และยังมีผู้ป่วยรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาล 84 ราย ขณะที่ไม่มีผู้เสียชีวิตเพิ่ม โดยยอดผู้เสียชีวิตสะสมอยู่ที่ 58 ราย
ผู้ช่วยโฆษก ศบค. ย้ำว่า แม้รัฐบาลจะผ่อนคลายมาตรการในระยะที่ 4 ซึ่งเริ่มเมื่อวานนี้ (15 มิ.ย.) เป็นวันแรก รวมถึงไม่พบว่ามีผู้ติดเชื้อกันเองภายในประเทศเป็นระยะเวลาต่อเนื่องกัน 3 สัปดาห์แล้วก็ตาม แต่ประชาชนยังจำเป็นต้องปฏิบัติตามสุขอนามัยพื้นฐานในการควบคุมโรคไว้อย่างเคร่งครัดเช่นเดิม ไม่ว่าจะเป็นการสวมหน้ากากอนามัย การล้างมือบ่อยๆ การเว้นระยะห่าง และหลีกเลี่ยงการเข้าไปในที่แออัด
พญ.พรรณประภา ยังกล่าวถึงความจำเป็นที่ประชาชนจะต้องใช้แพลตฟอร์มไทยชนะ เพื่อสแกน QR Code ทั้งก่อนและหลังเข้าไปใช้บริการร้านค้าย่อยต่าง ๆ ซ้ำอีกครั้ง หลังจากสแกน QR Code เมื่อเข้ามาใช้บริการในศูนย์การค้าหรือห้างสรรพสินค้าไปแล้วว่า การสแกน QR Code ทั้งตอนเข้าและออกร้านค้าย่อยภายในศูนย์การค้าซ้ำอีกครั้งถือว่ามีความสำคัญ เนื่องจากในศูนย์การค้าหรือห้างสรรพสินค้าใหญ่ๆ มีความสามารถรองรับลูกค้าที่เข้าไปใช้บริการในแต่ละวันได้มากถึง 8 หมื่นคน ซึ่งหากไม่มีการสแกนการเข้า-ออกร้านค้าย่อยซ้ำอีกครั้ง แล้วภายหลังพบว่ามีการระบาดของไวรัสโควิดขึ้นในสถานที่นั้นๆ จะทำให้การสอบสวนโรคจำเป็นต้องไปติดตามรประชาชนที่เคยเข้ามาใช้บริการในศูนย์การค้าทั้งหมด ซึ่งถือว่าเป็นจำนวนมาก แต่หากลูกค้าได้สแกน QR Code ในร้านค้าย่อยซ้ำไว้ จะช่วยเป็นการจำกัดวง หรือตีกรอบจำนวนผู้สัมผัสใกล้ชิดที่จะต้องเข้ามารับการสอบสวนโรคให้ลดน้อยลง ทำให้การสอบสวนโรคมีความรวดเร็วขึ้น
นอกจากนี้ ยังย้ำว่าเมื่อสแกนเข้า (check-in) แล้ว จะต้องไม่ลืมสแกนออก (check-out) ด้วย ทั้งนี้เพื่อทำให้ทราบถึงช่วงระยะเวลาที่ชัดเจนที่เข้าไปใช้บริการในสถานที่นั้น รวมทั้งยังทำให้ทราบถึงความหนาแน่นของจำนวนผู้เข้าไปใช้บริการในสถานที่นั้นๆ ด้วย เพื่อใช้เป็นข้อมูลประกอบการตัดสินใจของลูกค้ารายอื่นๆ ที่จะเข้ามาใช้บริการต่อ
ด้านภญ. อัญชลี จูฑะพุทธิ ที่ปรึกษากรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก เปิดเผยถึงแนวทางการให้บริการการแพทย์แผนไทย ในสถานบริการสาธารณสุขของรัฐว่า ขณะนี้สถานบริการสาธารณสุขของรัฐ พร้อมเปิดให้บริการคลินิกแพทย์แผนไทยได้ตามปกติแล้ว
โดยยืนยันว่าประชาชนสามารถเข้ามาใช้บริการได้อย่างมั่นใจถึงความปลอดภัยด้านสุขอนามัย เนื่องจากแพทย์แผนไทยผู้ให้บริการจะมีการสวมหน้ากากอนามัย หมวกคลุมผม ถุงมือ ผ้าคลุมกันเปื้อน มีการตรวจวัดอุณหภูมิร่างกายทั้งช่วงเช้าและบ่าย การทำความสะอาดสถานที่อย่างสม่ำเสมอ การเว้นระยะห่าง ขณะเดียวกันผู้เข้ามารับบริการจะต้องปฏิบัติตามมาตรการความปลอดภัยด้านสาธารณสุขที่สถานบริการกำหนดไว้อย่างเคร่งครัดเช่นเดียวกันด้วย