นายสาโรจน์ การศิริศิลป์ ผู้อำนวยการ สำนักเลขาธิการมหาเถรสมาคม สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) กล่าวว่า สำหรับวันอาสาฬหบูชาที่จะมาถึงในวันที่ 5 ก.ค.นี้ และวันที่ 6 ก.ค.เป็นวันเข้าพรรษา ทุกวัดสามารถจัดกิจกรรมได้เหมือนตามปกติแต่ต้องมีมาตรการป้องกัน โดยต้องปฏิบัติตามระเบียบที่ทางราชการกำหนดไว้อย่างเคร่งครัด เช่น วัดต้องทำความสะอาด มีจุดคัดกรอง มีเจลล้างมือ สวมหน้ากากขณะปฏิบัติกิจ
"วันพระใหญ่ในช่วงวันอาสาฬหบูชาและวันเข้าพรรษา ทางวัดสามารถจัดกิจกรรมทำบุญได้ตามปกติ แต่ต้องปฏิบัติตามระเบียบอย่างเคร่งครัด สามารถจัดพิธีเวียนเทียนในวันอาสาฬหบูชาได้ โดยแต่ละวัดอาจกำหนดเป็นรอบ หรือจัดตามความเหมาะสมและมีมาตรการอย่างเข้มงวด สำหรับกิจกรรมของพระภิกษุสงฆ์ การทำวัตรเช้า-เย็น บำเพ็ญภาวนา วัดวาต้องสะอาด เป็นหัวใจสำคัญที่พระสงฆ์จะต้องยึดปฏิบัติ โดยทางสำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดจะติดตามให้เป็นตามเกณฑ์ที่มหาเถรสมาคมและกระทรวงสาธารณสุขกำหนดต่อไป" นายสาโรจน์ กล่าว
ส่วนพุทธศาสนิกชนที่เข้าไปในวัด ไม่ว่าจะไปทำบุญไหว้พระ ฟังเทศน์ฟังธรรมก็ต้องเว้นระยะห่าง หรือถ้ามาคนมาจำนวนมากก็อาจจะจัดเป็นรอบๆ
"วันวิสาขบูชาที่ผ่านมาทุกวัดงดจัดกิจกรรมเพราะช่วงนั้นสถานการณ์โควิด-19 ระบาดหนักมาก แต่ขณะนี้สถานการณ์ดีขึ้น แต่ก็ยังต้องระมัดระวัง การเวียนเทียนก็ต้องเว้นระยะห่าง สวมหน้ากาก มีเจลล้างมือ โดยเฉพาะวัดที่เป็นแหล่งท่องเที่ยว วัดใหญ่ๆ มีนักท่องเที่ยวจำนวนมากก็ต้องมีมาตรการที่เข้มงวดมากกว่าเป็นพิเศษ"
ด้านนพ.วีรวุฒิ อิ่มสำราญ รองอธิบดีกรมการแพทย์ กล่าวถึงแนวทางกิจกรรมงานบุญแบบ New Normal ว่า ในช่วงก่อนเข้าพรรษาขอให้ภิกษุ สามเณร เข้ารับการตรวจสุขภาพ และกักกันตัวเอง 14 วัน เพื่อให้มั่นใจว่าจะไม่นำเชื้อไปแพร่ให้แก่พระรูปอื่น และญาติโยมที่มาทำบุญที่วัด ในเรื่องทำความสะอาดพื้นที่วัดโดยรอบ ตั้งจุดคัดกรองเพื่อวัดอุณหภูมิ การลงทะเบียนผ่านออนไลน์ต่างๆ การใช้เจลแอลกอฮอล์ในการล้างมือเป็นประจำตามจุดต่างในวัด นอกจากนี้ในวัดต้องมีอากาศถ่ายเท สะดวก มีการลดความแออัดโดยเฉพาะในสถานที่ปิดต่างๆ เช่น ในพระอุโบสถ หรือศาลาที่เป็นระบบปิด ก็ต้องลดทั้งจำนวนคน ฆราวาสที่เข้าไปร่วม รวมทั้งกิจกรรมต่างๆของพระสงฆ์