นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.สาธารณสุข (สธ.) เป็นประธานในพิธีเผาทำลายยาเสพติดให้โทษของกลาง ครั้งที่ 50 ประจำปี 2563 เนื่องในวันต่อต้านยาเสพติดโลก โดยมีทูตานุทูต ผู้บริหารจากทุกส่วนราชการและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งภาครัฐและเอกชน เช่น สำนักงานตำรวจแห่งชาติ สำนักงานป้องกันและปราบปรามยาเสพติด กองทัพบก นิคมอุตสาหกรรมบางปะอิน และสื่อมวลชน ร่วมเป็นสักขีพยาน
สำหรับยาเสพติดให้โทษที่จะเผาทำลายเป็นของกลางจากคลังเก็บรักษายาเสพติด สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) จำนวน 25,301 กิโลกรัม จาก 2,751 คดี มูลค่ากว่า 55,941 ล้านบาท ประกอบด้วย เมทแอมเฟตามีน/ แอมเฟตามีน (ยาบ้า) น้ำหนักกว่า 18,303 กิโลกรัม (ประมาณ 203 ล้านเม็ด) มูลค่าประมาณ 40,674 ล้านบาท เมทแอมเฟตามีน (ยาไอซ์) น้ำหนักกว่า 5,878 กิโลกรัม มูลค่าประมาณ 12,932 ล้านบาท เฮโรอีนน้ำหนักกว่า 541 กิโลกรัม มูลค่าประมาณ 2,301 ล้านบาท และยังมี MDMA/MDA/MDE (ยาอี/ยาเลิฟ) น้ำหนักประมาณ 0.026 กิโลกรัม (107 เม็ด) ฝิ่นน้ำหนักกว่า 9 กิโลกรัม โคคาอีนน้ำหนักกว่า 10 กิโลกรัม ยาเสพติดอื่นๆ น้ำหนักรวมกว่า 557 กิโลกรัม
นอกจากนี้ กองควบคุมวัตถุเสพติด อย. ได้ร่วมเผาวัตถุออกฤทธิ์ของกลางจำนวนกว่า 1,187 กิโลกรัมจาก 724 คดี กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์, ศูนย์พิสูจน์หลักฐาน 1 จ.ปทุมธานี และกองพิสูจน์หลักฐานกลาง ร่วมเผาทำลาย ภาชนะ หีบห่อ บรรจุภัณฑ์ที่ผ่านการใช้งานยาเสพติดรวม 15 กล่อง โดยของกลางทั้งหมดจะถูกเผาทำลายด้วยวิธีไพโรไลติก อินซิเนอะเรชัน (Pyrolytic Incineration) ที่มีอุณหภูมิไม่ต่ำกว่า 850 องศาเซลเซียส ทำให้เกิดการสลายตัวของโมเลกุลกลายเป็นคาร์บอนในระยะเวลาอันรวดเร็ว
ในปีนี้ได้กำหนดวันเผาทำลายยาเสพติดให้โทษ 3 วัน คือ วันที่ 26 มิ.ย.63 จำนวนกว่า 8,466 กิโลกรัม, วันที่ 13 ก.ค.63 จำนวนกว่า 8,275 กิโลกรัม และวันที่ 14 ก.ค.63 จำนวนกว่า 8,558 กิโลกรัม
สถิติการเผาทำลายยาเสพติดให้โทษของกลางตั้งแต่ปี 2520-2563 รวม 50 ครั้ง มีน้ำหนักรวมกว่า 170,545 กิโลกรัม มูลค่ากว่า 273,331 ล้านบาท มากที่สุดได้แก่ เมทแอมเฟตามีน/ แอมเฟตามีน ฝิ่นและอื่นๆ เฮโรอีน และเอ็คซ์ตาซี่ ตามลำดับ
นายอนุทิน กล่าวว่า กระทรวงฯ มีหน้าที่หลักในการบำบัดรักษาและฟื้นฟูสมรรถภาพผู้ติดยาเสพติด ป้องกันไม่ให้กลับมาเสพซ้ำ ซึ่งในปีงบประมาณ 2563 ตั้งเป้านำผู้เสพผู้ติดยาเสพติดเข้ารับการบำบัด 210,982 คน แบ่งเป็น ระบบสมัครใจ 113,382 คน บังคับบำบัด 56,600 คน ต้องโทษ 26,000 คน และระบบคุมความประพฤติ 15,000 คน
สำหรับผลการดำเนินงานตั้งแต่ 1 ต.ค.62-15 มิ.ย.63 นำผู้เสพเข้าสู่กระบวนการบำบัดฯ แล้ว 128,520 คน คิดเป็น 60.92% จากระบบสมัครใจ 48,479 คน ระบบบังคับบำบัด 66,253 คน และระบบต้องโทษ 13,788 คน ทั้งนี้ โรงพยาบาลในสังกัดกระทรวงสาธารณสุขทุกแห่งทั่วประเทศ พร้อมให้คำปรึกษาและนำเข้าสู่ระบบบำบัดรักษาที่ได้มาตรฐานสากล โดยประชาชนสามารถสอบถามข้อมูลการเลิกยาเสพติดได้ที่สายด่วน 1165 ตลอด 24 ชั่วโมง