พญ.พรรณประภา ยงค์ตระกูล ผู้ช่วยโฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 (ศบค.) เปิดเผยสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ในประเทศวันนี้ว่า พบผู้ป่วยยืนยันติดเชื้อรายใหม่ 6 ราย ซึ่งเป็นผู้ที่เดินทางกลับจากต่างประเทศที่พักอยู่ใน State Quarantine ส่วนในประเทศไม่พบผู้ติดเชื้อรายใหม่ต่อเนื่อง
สำหรับผู้ป่วยยืนยันสะสมล่าสุดอยู่ที่ 3,179 ราย เป็นผู้ป่วยในประเทศ 2,444 ราย และผู้ป่วยใน State Quarantine จำนวน 242 ราย จำนวนผู้ป่วยรักษาหายแล้วรวม 3,059 ราย และยังมีผู้ป่วยรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาล 62 ราย ขณะที่ไม่มีผู้เสียชีวิตเพิ่ม โดยยอดผู้เสียชีวิตสะสมอยู่ที่ 58 ราย
รายละเอียดของผู้ติดเชื้อรายใหม่ 6 ราย รายที่ 1-4 เดินทางกลับจากอินโดนีเซีย เป็นเพศชาย อายุ 21 ปี เป็นนักเรียน/นักศึกษา และ อายุ 37, 43, 62 ปี อาชีพรับจ้างทั่วไป เดินทางถึงไทยวันที่ 24 มิ.ย. เข้าพัก State Quarantine จ.ชลบุรี เก็บตัวอย่างวันที่ 29 มิ.ย.ผลพบเชื้อ โดยที่ไม่มีอาการ,
รายที่ 5 เป็นชายไทย อาชีพนักศึกษา อายุ 20 ปี เดินทางกลับจากแอฟริกาใต้ ถึงไทยวันที่ 28 มิ.ย. มีอาการไอ 1 สัปดาห์ ส่งตรวจครั้งที่หนึ่งวันที่ 28 มิ.ย. ผลตรวจไม่พบเชื้อ ส่งตรวจครั้งที่ 2 เมื่อวันที่ 30 มิ.ย.พบเชื้อ
รายที่ 6 ชายไทย อายุ 21 ปี อาชีพรับจ้างทั่วไป เดินทางกลับจากประเทศซูดานถึงไทยวันที่ 24 มิ.ย. เก็บตัวอย่างวันที่ 29 มิ.ย.ผลพบเชื้อ แต่ไม่มีอาการ
สำหรับสถานการณ์แพร่ระบาดทั่วโลก ล่าสุดพบผู้ป่วยยืนยันติดเชื้อรายใหม่มากถึง 200,145 ราย ส่งผลให้มียอดผู้ป่วยยืนยันสะสมเพิ่มเป็น 10,803,599 ราย เสียชีวิตแล้ว 518,968 ราย โดยประเทศสหรัฐพบผู้ป่วยยืนยันติดเชื้อรายใหม่ 52,100 ราย ส่งผลให้มีผู้ป่วยยืนยันสะสมมากสุด 2,779,953 ราย และเสียชีวิตมากสุด 130,798 ราย
"สถานการณ์ทั่วโลกยังน่ากังวล เนื่องจากพบผู้ป่วยยืนยันติดเชื้อรายใหม่วันเดียวกว่า 2 แสนราย โดยเฉพาะสหรัฐที่พบผู้ป่วยยืนยันติดเชื้อรายใหม่กว่า 5 หมื่นราย และบราซิลที่พบผู้ป่วยยืนยันติดเชื้อรายใหม่เกือบ 4.5 หมื่นราย จากก่อนหน้านี้ที่พบผู้ป่วยยืนยันติดเชื้อรายใหม่ราววันละ 2 หมื่นราย" พญ.พรรณประภา กล่าว
ส่วนสถานการณ์แพร่ระบาดในภูมิภาคเอเชียนั้น ประเทศอินเดียพบผู้ป่วยยืนยันติดเชื้อรายใหม่มากสุด 19,428 ราย ส่งผลให้มีผู้ป่วยยืนยันสะสมมากสุด 605,220 ราย และเสียชีวิตมากสุด 17,848 ราย ขณะที่สถานการณ์ในประเทศไทยยังคงอยู่ที่อันดับ 96
ผู้ช่วยโฆษก ศบค.กล่าวว่า เป็นเรื่องที่น่ายินดีสำหรับประเทศไทยที่สมาชิกของสหภาพยุโรป (อียู) ลงมติอนุมัติให้เป็น 1 ใน 15 ประเทศปลอดภัยนอกอียู ซึ่งนักท่องเที่ยวและนักธุรกิจจากทั้ง 15 ประเทศสามารถเดินทางเข้าสู่อียูได้
สำหรับช่วงสุดสัปดาห์ที่เป็นวันหยุดยาวต่อเนื่องหลังจากผ่อนปรนมาตรการระยะที่ 5 แล้วคาดว่าจะมีประชาชนไปใช้บริการตามสถานบันเทิง และออกเดินทางไปท่องเที่ยวในต่างจังหวัดเป็นจำนวนมาก ขอฝากให้ประชาชนคำนึงถึงมาตรการป้องกันโรค ทั้งเรื่องการสวมหน้ากาก การล้างมือ และการเว้นระยะห่าง