นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 (ศบค.) เปิดเผยสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ในประเทศวันนี้ว่า พบผู้ป่วยยืนยันติดเชื้อรายใหม่ 1 ราย ซึ่งเป็นผู้ที่เดินทางกลับจากต่างประเทศที่พักอยู่ใน State Quarantine ส่วนในประเทศไม่พบผู้ติดเชื้อรายใหม่ต่อเนื่อง 39 วัน
สำหรับผู้ป่วยยืนยันสะสมล่าสุดอยู่ที่ 3,180 ราย เป็นผู้ติดเชื้อในประเทศ 2,444 ราย และผู้ป่วยใน State Quarantine จำนวน 243 ราย วันนี้มีผู้ป่วยรักษาหายเพิ่มอีก 7 ราย ทำให้จำนวนผู้ป่วยรักษาหายแล้วรวม 3,066 ราย และยังมีผู้ป่วยรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาล 56 ราย ขณะที่ไม่มีผู้เสียชีวิตเพิ่ม โดยยอดผู้เสียชีวิตสะสมอยู่ที่ 58 ราย
รายละเอียดของผู้ติดเชื้อรายใหม่ เป็นหญิงไทยอายุ 24 ปี เดินทางกลับจากประเทศบาห์เรนถึงไทยวันที่ 28 มิ.ย. และเข้าพัก State Quarantine ที่จ.ชลบุรี ต่อมามีอาการเจ็บคอและถ่ายเหลว จึงตรวจหาเชื้อในวันที่ 1 ก.ค.ผลตรวจพบเชื้อ
โดยสถานการณ์แพร่ระบาดทั่วโลก ล่าสุดพบผู้ป่วยยืนยันติดเชื้อรายใหม่ 179,437 ราย ส่งผลให้มียอดผู้ป่วยยืนยันสะสมเพิ่มเป็น 10,970,706 ราย เสียชีวิตแล้ว 523,171 ราย โดยประเทศสหรัฐพบผู้ป่วยยืนยันติดเชื้อรายใหม่ 57,236 ราย ส่งผลให้มีผู้ป่วยยืนยันสะสมมากสุด 2,837,189 ราย และเสียชีวิตมากสุด 131,485 ราย ขณะที่สถานการณ์ในประเทศไทยยังคงเดิมอยู่ที่อันดับ 96
สำหรับคนไทยที่ต้องการเดินทางกลับมา ขอให้รีบติดต่อกับทางสถานทูตเพื่อดำเนินการตามขั้นตอน เนื่องจากยังมีห้องพักเพียงพอที่จะรองรับ และนับตั้งแต่วันที่ 3 เม.ย.จนถึงวันที่ 2 ก.ค.63 มีคนไทยเดินทางกลับมาแล้ว 51,464 ราย ตรวจพบเป็นผู้ป่วยยืนยันติดเชื้อ 243 ราย
"ยังคิดไม่ออกว่าหากไม่มีการคัดกรอง ป่านนี้จะมีผู้ติดเชื้อมากมายเท่าไหร่" นพ.ทวีศิลป์ กล่าว
โฆษก ศบค.กล่าวถึงผลพลอยได้จากการรณรงค์มาตรการป้องกันโรค ได้แก่ การสวมหน้ากาก การล้างมือ ตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา พบว่าอัตราการเกิดโรคติดเชื้อทางระบบทางเดินหายใจมีแนวโน้มลดต่ำลง ทั้งโรคมือ-เท้า-ปาก โรคไข้หวัดใหญ่ และโรคปอดอักเสบ ซึ่งขอให้ประชาชนปฏิบัติต่อเนื่องไปเรื่อยๆ
ส่วนความคืบหน้าในการใช้แพลตฟอร์มและแอพพลิเคชั่น "ไทยชนะ" ล่าสุดมีกิจการ/ร้านค้าลงทะเบียนแล้ว 259,260 แห่ง ซึ่งยังถือว่ามีจำนวนที่ต่ำมาก ขณะที่การผ่อนปรนมาตรการสำหรับกิจการ/กิจกรรมในระยะที่ 5 มีความเสี่ยงสูง จึงหวังว่าจะได้รับความร่วมมือจากผู้ประกอบการด้วยดีเหมือนกับผลการตรวจกิจการ/กิจกรรมเมื่อวานนี้ที่มีผู้ที่ปฏิบัติไม่ครบข้อกำหนด 9 ราย ไม่มีแอพพลิเคชั่นไทยชนะ 169 ราย จากกิจการทั้งหมด 5,823 ราย
โฆษก ศบค.กล่าวว่า เมื่อเช้าที่ผ่านมา ศบค.ชุดเล็กได้มีการพิจารณาข้อกำหนดสำหรับแผนงาน Medical and Wellness Program ที่จะดำเนินการได้ในเดือน ก.ค.นี้
สำหรับในระยะต่อไปหาก Medical and Wellness Program ทำได้ดี จะได้เห็นการรับผู้ป่วยที่ไม่ใช่จากโควิด-19 และเข้ามาท่องเที่ยว ในช่วงเดือนส.ค. และหลังจากนั้นจะเป็นรูปแบบ Travel Bubble ในเดือนก.ย. ต่อไป
"สถานการณ์ในประเทศมีแนวโน้มดีขึ้นต่อเนื่องจะยิ่งสร้างความมั่นใจให้กับต่างชาติสนใจที่จะเดินทางเข้ามา" นพ.ทวีศิลป์ กล่าว
อย่างไรก็ตาม ในการรับผู้เดินทางดังกล่าวจะรับเฉพาะการเดินทางโดยเครื่องบินเท่านั้น จะไม่มีการเปิดรับผ่านด่านพรมแดน เพราะด่านทางบกนั้นยังต้องมีการพัฒนาอีกระยะ โดยผู้ที่จะเข้ามารักษาในประเทศนั้น ต้องมีใบนัดแพทย์ มีใบอนุญาตเข้ามา (Certificate of Entry – COE) ที่ทางสถานทูตออกให้
ทั้งนี้ Medical and Wellness Program จะต้องอยู่ในโรงพยาบาลคู่สัญญา ซึ่งขณะนี้มีการจัดเตรียมโรงพยาบาลไว้รองรับ ทั้งรูปแบบ Hospital Quarantine และ Alternative Hospital Quarantine โดยมีโรงพยาบาลเอกชนที่แสดงความสนใจเข้าร่วมโครงการแล้ว 62 แห่ง ขณะที่มีต่างชาติลงทะเบียนรอไว้ 17 ประเทศ จำนวน 1,700 รายที่แสดงความสนใจเข้ามาใช้บริการนี้ ซึ่งเป็นเรื่องที่รัฐบาลต้องดูแลปัญหาเรื่องเศรษฐกิจควบคู่ไปกับเรื่องความปลอดภัย
สำหรับผู้ติดตามหรือญาติ สามารถเข้ามาได้ไม่เกิน 3 คน โดยต้องลงทะเบียน และมีใบนัดหมายกับแพทย์ในประเทศไทยให้เรียบร้อย และเมื่อเข้ามาแล้วจะต้องอยู่ในครบ 14 วัน ไม่ให้เดินทางกลับก่อน