นพ.สุวรรณชัย วัฒนายิ่งเจริญชัย อธิบดีกรมควบคุมโรค เปิดเผยถึงการลงพื้นที่จ.ระยอง เพื่อติดตามสถานการณ์กรณีมีทหารอียิปต์ติดเชื้อโควิด-19 ว่า ผลจากการสอบสวนโรคและค้นหาจากกรณีทหารอียิปต์ติดเชื้อ 1 ราย พบว่ามีผู้สัมผัสใกล้ชิดเสี่ยงสูงมี 4 คนที่เป็นพนักงานขับรถจากสนามบินไปกลับโรงแรม และมีบุคลากรโรงแรม 7 คน ทั้งหมดนี้ได้ทำการ Swab และกักตัว 14 วัน ผลการตรวจทางห้องปฎิบัติการ 3 รายซึ่งเป็นบุคลากรของโรงแรมพบว่าไม่มีการติดเชื้อ
สำหรับผู้สัมผัสอื่นใกล้ชิดเสี่ยงต่ำ 6 คน รวมถึงบุคลากรโรงแรมและทีมที่ไปเก็บตัวอย่างในวันนั้นถูกสั่งให้หยุดงานต้องปฏิบัติ ตนและกักตัวในสถานที่ที่กำหนดอื่นๆ ที่แยกออกจากผู้อื่นอย่างน้อย 14 วัน ที่สำคัญคือผู้สัมผัสอื่นๆที่ได้ข้อมูลจากการสอบสวน จากดูกล้องวงจรปิด ได้เบอร์โทรจากไทยชนะ มีอยู่ 413 คน เรายังคงสอบสวนเพิ่มเติมเพื่อให้เกิดความครบถ้วนและความมั่นใจของประชาชน
นพ.สุวรรณชัย กล่าวว่า เหตุการณ์ดังกล่าวนี้พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และนายอนุทิน ชาญวีรกุล รองนายกรัฐมนตรีและรมว.สาธารณสุข ได้ติดตามสถานการณ์ตลอด และได้มอบหมายให้ตนลงไปพื้นที่จ.ระยอง โดยมีนายสาธิต ปิตุเตชะ รมช.สาธารณสุข เป็นผู้นำ โดยสิ่งที่ได้ดำเนินการเร่งด่วน 3 ประการด้วยกัน 1.สอบสวนโรค เพื่อให้ได้ข้อมูลที่ถูกต้องและครบถ้วน 2.ควบคุมป้องกันโรคอย่างรวดเร็วและเหมาะสมอยู่บนฐานของข้อมูลและวิชาการ 3.การยกระดับการบูรณาการการจัดการในทุกจุด
โดยในการสอบสวนโรค พบว่าจุดที่สำคัญคือความเสี่ยงที่จะเกิดการติดจ่อหรือการแพร่ระบาด ซึ่งในกลุ่มทหารอียิปต์ทั้ง 31 คน มีเพียง 1 คนที่ติดเชื้อ และ 1 ในนั้นมีไทม์ไลน์เข้ามาประเทศไทยแต่วันที่ 8 ก.ค.และบินไปกลับ 2 รอบ การบินเข้ามามีผู้ที่เป็น Ground Service ในช่วงดังกล่าวคือการบินไทยที่ดูแลภายใต้การกำกับของราชการไปจนถึงโรงแรมดีวารี จากข้อมูลจากกล้องวงจรปิด แพลตฟอร์มไทยชนะ สมุดรายชื่อการเข้าใช้สถานที่ทำให้ พบว่าการฝ่าฝืนมาตรการมีเพียงการออกจากโรงแรมไปห้างสรรพสินค้าในช่วงสายของวันที่ 10 ก.ค.ถึงช่วงบ่ายของวันเดียวกันเท่านั้น แต่หากมีการเดินทางระหว่างทางที่ประชาชนพบเห็น มีการเผยแพร่หรือส่งตามโซเชียลมีเดีย ขอให้แจ้งมา
ในส่วนของกลุ่มทหารอียิปต์จะเป็น 2 กลุ่ม คือ กลุ่ม 27 คน มีการเดินเท้าไปที่ห้างแพชชั่นฯ ซึ่งไม่ไกลจากโรงแรมที่พัก การเดินทางเป็นการทยอยๆ ไป และผู้ติดเชื้อก็อยู่ในกลุ่มย่อยที่มีเพียง 6 คน ขณะที่อีก 4 คนเหมารถแท็กซี่ไปห้างเซ็นทรัลระยอง ทั้งนี้ ทั้ง 31 คนได้ถูกติดตามกลับมาทำการ Swab เอาสารคัดหลั่งไปตรวจในวันเดียวกัน ผลการ Swap และผลทางห้องปฏิบัติการพบว่าติดเชื้อเพียง 1 ราย
"นั่นหมายความว่ากลุ่มที่ไปห้างเซ็นทรัลและกลุ่มย่อยที่ไม่มีผู้ติดเชื้ออยู่ในกลุ่มไม่แพร่โรคหรือมีโอกาสต่ำมากๆ เพราะฉะนั้นทหาร 6 คนที่ไปห้างแพชชั่นฯ อยู่ในช่วงเวลา 11.00-15.00 น. และดูจากกล้องวงจรปิดพบว่าทุกคนในกลุ่มสวมใส่หน้ากากอนามัยตอนออกจากโรงแรม ถูกคัดกรองที่ห้าง ล้างมือด้วยเจล ผู้ติดเชื้อเดินห้างแค่ 2 ชั้น ไม่มีการซื้อของหรือรับประทานอาหารที่ห้าง จนกระทั่งกลับเข้าโรงแรมที่พักและไม่มีการออกจากที่พักอีกแม้แต่รายเดียว...แปลว่าผู้ติดเชื้อสัมผัสกับผู้คนไม่มาก"อธิบดีกรมควบคุมโรคกล่าว
อย่างไรก็ตาม ผู้ที่อยู่ในไทม์ไลน์สถานที่นอกจากนี้ถึงจะมีความเสี่ยงต่ำแต่ก็ต้องระวังไม่น้อยกว่า 14 วันและปฏิบัติสุขอนามัยส่วนบุคคล
ทั้งนี้ กลุ่มคนที่อยู่ในไทม์ไลน์ของสถานที่แม้จะไม่ใช่ผู้สัมผัสที่มีความเสี่ยงสูง สามารถขอคำปรึกษาหรือตรวจหาเชื้อที่สถานพยาบาลใกล้บ้าน หรือเมื่อรถเก็บเชื้อพระราชทานออกไปให้บริการเคลื่อนเพราะค่าใช้จ่ายกระทรวงสาธารณสุขจะเป็นผู้ดูแล
ในส่วนของเหตุการณ์ที่รถพระราชทานลงไปให้บริการประชาชนทั้งกลุ่มเสี่ยงสูง เสี่ยงต่ำ ผู้ที่กังวล มีการเก็บตัวอย่างไป 1,333 ตัวอย่าง ผลออกมาแล้ว 416 คน ยังไม่พบการติดเชื้อ แต่บุคคลดังกล่าวจะได้รับการแจ้งผลเป็นรายๆ และต้องปฏิบัติตามมาตรการด้านสาธารณสุขอย่างเข้มข้นจนครบ 14 วัน แต่หากมีอาการระหว่างทางสามารถมาตรวจเพิ่มเติมได้
การควบคุมป้องกันโรคอย่างรวดเร็วและเหมาะสม ได้ค้นหาผู้สัมผัสเสี่ยงสูง 11 ราย และกักตัวครบถ้วน ปิดสถานที่เพื่อทำความสะอาด ลดการแพร่เชื้อบนฐานของข้อมูลและฐานของวิชาการคือการปิดโรงแรมไม่น้อยกว่า 3 วัน ปิดห้างแพชชั่นฯไม่น้อยกว่า 3 วัน และเมื่อดำเนินการแล้ว หน่วยงานสาธารณสุขในจังหวัดระยองจะตรวจประเมินก่อนพิจารณาให้เปิดทำการ
สำหรับการปิดโรงเรียนเพื่อป้องกันความเสี่ยงถือเป็นสิ่งที่ดีเพราะเป็นการป้องกันไว้ก่อน แต่จากข้อมูลไทม์ไลน์พบว่าความเสี่ยงอยู่ในวงจำกัด ซึ่งจากการพูดคุยกับผู้ว่าราชการจังหวัด ทีมงานในจังหวัด คณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดระยองจะพิจารณาเปิดโรงเรียนให้สอดคล้องสถานการณ์ ซึ่งคาดว่าไม่เกิน 7 วัน
ส่วนสถานที่อื่นๆที่อยู่กิจการและกิจกรรมตามไทม์ไลน์ที่อาจจะไม่ได้เป็นผุวสัมผัสความเสี่ยงสูงหรือความเสี่ยงต่ำ อาทิเช่น โรงเรียนในบางจังหวัด หน่วยงานในบางจังหวัด ขอให้หารือคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดในพื้นที่ช่วยพิจารณาการปิดเปิดตามความเสี่ยง
3.การยกระดับการบูรณาการการจัดการในทุกจุด จากการฝ่าฝืนมาตรการของทหารอียิปต์ กับการที่โรงแรมที่พำนักไม่มีระบบควบคุมไม่ให้ออกนอกสถานที่ที่เป็นไปตามที่ราชการกำหนดอย่างดีพอ
"ในส่วนที่อยู่ในอำนาจหน้าที่ของผมที่เป็นอธิบดีกรมควบคุมโรคได้มีการตั้งคณะกรรมการเพื่อสืบข้อเท็จจริงในเหตุการณ์โดยรวมทั้งหมด และได้พิจารณให้ย้ายห้วหน้าด่านควบคุมโรคติดต่อระหว่างประเทศและผู้ปฏิบัติงานทั้งหมดที่สนามบินอู่ตะเภาให้ออกไปก่อน พร้อมกับให้บุคลากรจากสำนักงานป้องกันควบคุมโรคที่ 6 จ.ชลบุรีจัดบุคลากรไปปฏิบัติหน้าที่แทนแล้ว"อธิบดีกรมควบคุมโรคกล่าว
ขณะเดียวกันได้กำหนดให้เลขาคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดระยองจัดการให้ทุกโรงแรมและสถานที่กักกันต้องดำเนินการ 3 ด้านโดยเข้มงวด ด้านบริหารจัดการจะต้องมีผู้ตัดสินใจหรือผู้บัญชาการเหตุการณ์ในการควบคุมหากมีคนที่ต้องมากักกัน ด้านความปลอดภัยหรือความมั่นคง ที่ต้องมีระบบควบคุมให้ผู้ที่ถูกกักกันต้องทำตามกฎหมายหรือมาตรการโดยเคร่งครัด และด้านทางการแพทย์และสาธารณสุขที่จะเน้นในเรื่องการป้องกันหรือควบคุมโรคโดยเข้มงวด
"เหตุการณ์นี้เป็นบททดสอบสำคัญ เพราะเราผ่อนปรนถึงระยะที่ 5 แล้ว ว่าเราจะดำเนินการในการใช้ชีวิตวิถีใหม่ ที่สำคัญคือเริ่มขับเคลื่อนเศรษฐกิจและสังคมโดยแม้จะพบผู้ติดเชื้อแต่ยืนยันว่าเราจะตรวจพบโดยเร็วเหมือนเหตุการณ์นี้และจะควบคุมให้อยู่ในวงจำกัดไม่ให้เกิดการแพร่ระบาดใหญ่...เหตุการณ์ที่ผ่านมาของการระบาดระลอก 1 เราเคยทำสำเร็จมาแล้วและจะไม่ยอมให้เชื้อโรคตัวเล็กๆมาทำให้สังคมไทยและประเทศไทยต้องย้อนกลับไปภาวะแบบเดิมๆที่ต้องปิดกิจการกิจกรรมอีกครั้ง"
นพ.เอนก มุ่งอ้อมกลาง ผู้อำนวยการ สถาบันป้องกันควบคุมโรคเขตเมือง กล่าวถึงรถพระราชทานเพื่อตรวจโรคติดเชื้อชีวนิรภัยที่ลงไปช่วยตรวจคัดกรองเชื้อโควิด-19 ทั้งที่จ.ระยอง และคอนโดฯ ใน กทม.ที่พบมีการติดเชื้อ พบว่า ประชาชนตื่นตัวมาใช้บริการทั้ง 2 จุด รวม 1,599 คน โดยเป็นที่ จ.ระยอง 1,333 คน ผลออกมาแล้ว 416 ราย และที่คอนโดมิเนียม ONE X Condominium ในกรณีของบุคคลในครอบครัวคณะทูตที่เข้ามาพักในไทย 266 ราย ผลจะออกวันนี้น่าจะช่วงค่ำๆ ซึ่งผลทั้งหมดจะรายงานให้ประชาชนทราบ
ด้านนายเลิศวิทย์ ภูมิพิทักษ์ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานบริหารทรัพย์สิน บมจ.เซ็นทรัลพัฒนา (CPN) เปิดเผยว่า มาตรฐานในการให้บริการของศูนย์การค้าในประเทศไทยมีมาตรฐานชั้นนำเหนือกว่าผู้ประกอบการใดๆในโลก ในช่วงสถานการณ์โควิดก็มีการสร้างมาตรฐานการเว้นระยะห่างทางสังคม จัดระเบียบการนั่งเว้นระยะของเดลิเวอรี่แมนจนได้ขึ้นปกนิตยสารนนิเกอิ เอเชียน รีวิว
ส่วนการดูแลพนักงานร้านค้าก็ทำอย่างดีแม้ว่าบริษัทจะได้รับผลกระทบอย่างมาก ไม่มีการปรับลดพนักงาน ไม่มีการลดเงินเดือน ไม่มีการเลิกจ้าง ขณะที่ร้านค้าก็เป็นสิ่งที่ต้องดูแลให้สามารถค้าขายขับเคลื่อนไปได้ เป็นลักษณะของการนำนวัตกรรมใหม่ๆในการค้าขายแบบออนไลน์ One Call One Click, Chat&Shop หรือ ฟู้ดเดลิเวอรี่ต่างๆ หรือ Central Eats ลูกค้าสามารถสั่งอาหารหลายๆ ร้านได้ในแพลตฟอร์มเดียวเพื่อความสะดวกและลดค่าใช้จ่าย
นอกจากนี้ บริษัทอยากจะส่งเสริมกลยุทธ์ของภาครัฐและสถานประกอบการทำให้การ์ดอย่าตก ซึ่งการป้องกัน การใช้ชีวิตในศูนย์การค้าที่มีคนมากๆ ให้การ์ดไม่ตก ดูแลให้เป็นศูนย์การค้าที่อยู่ภายใต้สโลแกน"เซ็นทรัล สะอาด มั่นใจและปลอดภัย"จึงขอรณรงค์ให้ลูกค้าและผู้ประกอบการช่วยกันให้การดูแล การป้องกัน การรักษาระยะ เป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยผลักดันให้ภาวะโควิดไม่กลับเข้ามาหรือถ้าเข้ามาแล้วก็กระทบต่อวิถีชีวิตน้อยที่สุด