นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 (ศบค.) เปิดเผยว่า ในช่วงบ่ายวันนี้ จะมีการประชุมคณะกรรมการเฉพาะกิจพิจารณาการผ่อนคลายการบังคับใช้มาตรการในการป้องกันและยับยั้งการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) ที่มี พล.อ.สมศักดิ์ รุ่งสิตา เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) เป็นประธาน จะได้มีการประเมินสถานการณ์และทบทวนมาตรการต่างๆ หลังจากเกิดกรณีของทหารอียิปต์ ครอบครัวทูตซูดาน และล่าสุดกรณีของเจ้าหน้าที่ทูตที่ถูกคอนโดมีเนียมปฏิเสธไม่ให้เข้าพักนั้น ซึ่งเบื้องต้นคาดว่าจะต้องให้นักการทูตและครอบครัวทั้งหมดที่เดินทางเข้ามาในราชอาณาจักร ไทย จะไม่ได้รับการยกเว้นกักตัว 14 วัน โดยระเบียบใหม่คือจะต้องเข้าไปอยู่ใน State Quarantine ทุกกรณี
"ประเด็นสำคัญที่คณะกรรมการชุดเฉพาะกิจฯ จะได้หารือกันบ่ายนี้ คือ กรณีของนักการทูตที่เดินทางมาไทย จากเดิมที่ให้ไปพำนักในสถานที่ที่สถานทูตจัดไว้ให้นั้น แต่ตอนนี้คงจะต้องเข้ามาอยู่ใน State Quarantine 14 วันทั้งสิ้น" นพ.ทวีศิลป์ระบุ
โฆษก ศบค. กล่าวว่า กรณีเหตุการณ์ที่นักการทูตเดินทางมาถึงประเทศไทยเมื่อคืนที่ผ่านมา แต่ได้รับการปฏิเสธให้เข้าพักจากฝ่ายนิติบุคคลของคอนโดมิเนียม ย่านสุขุมวิท แม้จะมีผลตรวจไม่พบเชื้อโควิดนั้น ล่าสุดนักการทูตคนดังกล่าว ได้เข้าไปพักที่โรงแรมแกรนด์ เซ็นเตอร์ พอยท์ เทอร์มินอล 21 แล้ว ซึ่งสถานที่ดังกล่าวถือเป็น Alternative State Quarantine (ASQ) แต่ผู้เข้าพักจะต้องเสียค่าใช้จ่ายเอง
"นักการทูตดังกล่าวมีการตรวจเชื้อโควิดมาก่อนออกเดินทางแล้วว่าไม่พบเชื้อ รวมทั้งตรวจที่สุวรรณภูมิอีกครั้ง ก็ได้ผลเป็นลบ จึงออกจากสนามบิน และไปยังคอนโดฯ...ตอนนี้ถือว่าสถานการณ์ยังปกติดี ไม่มีอะไรเกิดขึ้น เพียงแต่จะต้องให้ข้อมูลชัดเจนและเป็นทางการ" นพ.ทวีศิลป์ระบุ
สำหรับความกังวลใจของประชาชนต่อสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในจังหวัดระยองนั้น โฆษก ศบค. ยืนยันว่า ทุกอย่างยังอยู่ในวงจำกัด คือ ห้างสรรพสินค้าแหลมทอง และโรงแรมที่ทหารอียิปต์เข้าพัก เฉพาะชั้น 7-8 ส่วนผู้เกี่ยวข้องที่สัมผัสเสี่ยงสูง 12 คนนั้น ผลตรวจก็ออกมาเป็นลบทั้งหมดแล้ว แต่ทุกคนจะต้องถูกกักตัวอีก 14 วันเพื่อให้เกิดความมั่นใจ ขณะที่กรณีครอบครัวนักการทูตซูดาน ที่เข้าพักในคอนโดฯ ONE-X ซึ่งมีผู้สัมผัสเสี่ยงสูง 7 คนนั้น ขณะนี้ถูกกักตัวอยู่ใน State Quarantine 14 วันเช่นกัน ส่วนลูกบ้านของคอนโดฯ ดังกล่าวรวม 381 คนก็ตรวจไม่พบเชื้อ รวมแล้วผลตรวจของประชาชนในกรุงเทพฯ และระยอง จาก 2 เหตุการณ์ มีทั้งหมด 4,206 ตัวอย่าง พบว่าผลเป็นลบทั้งหมด
"สรุปว่าจากเหตุการณ์ที่ระยอง มีผู้สัมผัสเสี่ยงสูง 12 คน ส่วนกรณีของคอนโดฯ ONE-X ในกรุงเทพฯ มี 7 คน รวมทั้งหมด 19 คน ซึ่งถ้าผ่านไป 14 วันแล้ว ไม่มีไข้ ไม่มีอาการของโรค เราจะต้องตรวจซ้ำอีกครั้ง และหากผลยังคงเป็นลบ ก็จะทำให้เรายังปลอดเชื้ออยู่ต่อไป...กรณีของระยองมีเพียง 12 คนที่เสี่ยงสูง นอกนั้นไม่มีอะไรแล้ว ใช้ชีวิตปกติได้แล้ว ช่วงแรกอาจเห็นข่าวการตื่นตระหนก ซึ่งแต่ละจังหวัดจะมีระบบที่ต่างกัน ดังนั้นการกักตัว 14 วันจะเกิดขึ้นเฉพาะ 12 คนนี้เท่านั้น นอกนั้นคนอื่นที่มาจากระยอง ไม่ต้องทำอะไรมากกว่านี้แล้ว " โฆษก ศบค.ระบุ
อย่างไรก็ดี ในที่ประชุม ศบค.ชุดเล็กวันนี้ ได้หยิบยกประเด็นของจังหวัดระยองขึ้นมาหารือ ซึ่งอาจเห็นได้ว่าที่ผ่านมาประชาชนมีความตื่นตระหนก แต่ปัจจุบันสถานการณ์ได้เริ่มใกล้เคียงปกติแล้ว ซึ่งทาง ศบค.ได้ขอให้ผู้ว่าราชการจังหวัดระยอง และสาธารณสุขจังหวัดระยอง ประชุมหารือร่วมกันเพื่อทบทวนการปิดสถานที่ต่างๆ โดยคาดว่าวันจันทร์นี้โรงเรียนส่วนใหญ่กว่า 200 แห่งในจังหวัดระยองจะกลับมาเปิดการเรียนการสอนได้ตามปกติ
นพ.ทวีศิลป์ กล่าวด้วยว่า ที่ประชุม ศบค.ชุดเล็ก ยังได้หารือถึงแนวทางการฟื้นฟูเศรษฐกิจและการท่องเที่ยวของจังหวัดระยอง ซึ่งเห็นว่าจำเป็นต้องดำเนินการอย่างเร่งด่วน และได้มีการเสนอ 5 มาตรการที่สำคัญไว้ ดังนี้ 1. ขอความร่วมมือส่วนราชการให้จัดประชุมสัมมนาใน จ.ระยอง 2. ส่งเสริมการท่องเที่ยวโดยภาครัฐและเอกชน 3. จัดการแข่งขันกีฬาฟุตบอลไทยลีกรูปแบบของ new normal ที่อนุญาตให้มีผู้เข้าชมได้ 4. จัดคอนเสิร์ตที่มีผู้เข้าชมสดในรูปแบบของ new normal 5. จัดให้มีกองถ่ายทำภาพยนตร์จากทั้งต่างประเทศและในประเทศ เข้ามาใช้พื้นที่ถ่ายทำใน จ.ระยองได้ ซึ่งการเข้าพักจะต้องเป็นรูปแบบของ Villa Quarantine ระยะเวลา 14 วันด้วย
ส่วนกรณีนักฟุตบอลชาวต่างชาติของทีมบุรีรัมย์ ยูไนเต็ดนั้น ทางศบค.ได้รับการประสานว่าจะเดินทางเข้ามาประเทศไทยโดยเครื่องบินส่วนตัว ซึ่งยืนยันว่าเป็นการเข้ามาในรูปแบบที่ไม่ใช่ VIP โดยจะมาถึงประเทศไทยวันที่ 19 ก.ค.63 ลงเครื่องที่สนามบินดอนเมือง และเข้ารับการตรวจคนเข้าเมืองตามพิธีการปกติ รวมทั้งตรวจหาเชื้อโควิดด้วย ซึ่งหากผลเป็นลบ ก็จะสามารถเดินทางต่อจากสนามบินดอนเมืองไปลงที่สนามบินบุรีรัมย์ได้
"เมื่อไปถึงบุรีรัมย์ จะต้องมีการกักตัวภายใต้มาตรการควบคุมโรค อยู่ใน Alternative State Quarantine ที่ได้รับการรับรองจากกระทรวงกลาโหม และกระทรวงสาธารณสุข แต่ถ้าผลตรวจออกมาเป็นบวก ก็ต้องเข้ารับการรักษาใน รพ.ตามขั้นตอนปกติ ยืนยันว่าไม่ใช่มาแบบ VIP จะต้องดูแลตามระบบที่เราได้วางไว้" นพ.ทวีศิลป์ระบุ
ในตอนท้าย นพ.ทวีศิลป์ ยืนยันว่ายังไม่ถอดใจการทำงานในตำแหน่งโฆษก ศบค.อย่างแน่นอน ซึ่งจากข่าวที่ออกมาว่าจะทบทวนการทำงานนั้น ขอชี้แจงว่าหมายถึงการทบทวนการทำงานในหน้าที่ให้ดีขึ้นตามที่ได้รับมอบหมาย และทำให้ดีที่สุด หากมีข้อบกพร่องก็พร้อมที่จะรับฟังและแก้ไขให้ดีขึ้น ยืนยันว่าไม่ถอดใจแน่นอน
ด้านนายเชิดเกียรติ อัตถากร อธิบดีกรมสารนิเทศ ในฐานะโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ ระบุว่า ช่วงบ่ายนี้กระทรวงการต่างประเทศจะประชุมร่วมกับผู้แทนของสถานทูตต่างๆ ที่ประจำประเทศไทย เพื่อสร้างความเข้าใจและแลกเปลี่ยนความคิดเห็นต่อมาตรการควบคุมการแพร่ระบาดของไวรัสโควิดที่อาจจะต้องเข้มข้นมากขึ้น
โดยยืนยันว่า นักการทูตไม่ใช่ VIP เพียงแต่ได้รับความคุ้มครองเอกสิทธิ์ตามอนุสัญญาเวียนนา ซึ่งยังคงต้องปฏิบัติตามกฎระเบียบและกฎหมายของประเทศนั้นๆ ซึ่งนั่นก็หมายถึงว่าต้องปฏิบัติตามมาตรการของ ศบค.ด้วยเช่นกัน
อย่างไรก็ดี คาดว่าการประชุมของคณะกรรมการเฉพาะกิจฯ ศบค. ที่มีเลขาธิการ สมช.เป็นประธานในช่วงบ่ายวันนี้ ก็คงจะมีการทบทวนกฎระเบียบที่เข้มงวดมากขึ้น แต่ระหว่างนี้ที่ยังอยู่ในช่วงเปลี่ยนผ่านหรือรอยต่อของการบังคับใช้ ทางกระทรวงการต่างประเทศจะทำหนังสือเวียนไปถึงหน่วยงานในสังกัดในการเพิ่มมาตรการที่เข้มข้นขึ้น เช่น ต้องให้เจ้าหน้าที่ทูตหรือนักการทูตรอผลตรวจยืนยันชัดเจนก่อนว่าเป็นลบถึงเดินทางออกจากสนามบินได้ การโน้มน้าวให้ใช้สถานที่กักตัวที่เป็นที่จำกัดไม่ปะปนกับส่วนรวม เป็นต้น
"เราจะมีมาตรการที่เข้มข้นมากขึ้น เป็นการขอความร่วมมือ และให้คำนึงถึงความรู้สึกของสังคมไทย เพื่อให้สามารถอยู่ร่วมกันได้อย่างปลอดภัย...ยืนยันว่าเจ้าหน้าที่หรือนักการทูต ไม่มีอภิสิทธิ์เกินไปจากที่ควรจะเป็น อาจจะเกิดความเข้าใจผิดก่อนหน้านี้ว่าไปไหนก็ได้ ไม่ต้องคุมแต่ต้องอยู่ภายใต้การกักตัว 14 วัน ส่วนมาตรการจะเข้มข้นขึ้นอย่างไรนั้น ต้องรอการพิจารณาในช่วงบ่ายนี้" โฆษกกระทรวงการต่างประเทศระบุ
ขณะที่นายวีระชัย เตชะวิจิตร์ กงสุลใหญ่กิตติมศักดิ์เอสโตเนียประจำกรุงเทพมหานคร โพสต์ข้อความทางเฟซบุ๊กส่วนตัว ชี้แจงข้อเท็จจริงกรณีนักการทูตเอสโตเนียเข้าเมืองไทยว่า "ท่านนี้เป็นนักการทูตของ European Union (EU) ประจำประเทศไทย จึงถือว่าอยู่ในความรับผิดชอบของ EU ดังนั้น EU จึงต้องปฎิบัติตามกฎระเบียบของ ศบค.อย่างเคร่งครัด ทั้งประเทศเอสโตเนียและสถานกงสุลใหญ่ของข้าพเจ้าไม่ทราบการเข้าออกประเทศไทย และจะเข้าไปก้าวก่ายการปฎิบัติราชการของ EU ไม่ได้"