พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม กล่าวระหว่างเป็นประธานการประชุมศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) คณะใหญ่ ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งหน่วยงานด้านความมั่นคงและด้านสาธารณสุข เพื่อพิจารณาขยายเวลาการบังคับใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ที่จะสิ้นสุดลงในวันที่ 31 ก.ค.นี้ ว่า การประชุมวันนี้ต้องเข้มงวดในการพิจารณาทบทวนมาตรการต่างๆ อย่างละเอียดรอบคอบ ทั้งแผนเผชิญหน้าในเชิงรับและเชิงรุก และแผนเผชิญเหตุ ที่ต้องประสานให้สอดคล้องทุกขั้นตอน ซึ่งมาตรการที่จะพิจารณาในวันนี้ต้องรับฟังเสียงและความคาดหวังของประชาชนส่วนใหญ่ด้วย
นอกจากนี้ ศบค.เตรียมพิจารณาผ่อนคลายมาตรการในเฟส 6 ที่จะอนุญาตให้แรงงานต่างด้าวเข้าประเทศ ซึ่งถือว่ามีความจำเป็นสำหรับภาคอุตสาหกรรมก่อสร้าง และอุตสาหกรรมอาหาร, การจัดงานแสดงสินค้า, กองถ่ายทำภาพยนตร์ รวมทั้งนักท่องเที่ยวบางกลุ่มที่ทางกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาอนุญาตหรืออีริทการ์ด ซึ่งเป็นกลุ่มที่มีกำลังซื้อสูง เพื่อช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจในประเทศ
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า สถานการณ์ที่เกิดขึ้นในประเทศไทยช่วงที่ผ่านถือเป็นบทเรียนและสัญญาณเตือนให้ทุกคนไม่ประมาท จึงขอให้กำลังใจทุกคนอย่างต่อเนื่อง และเชื่อว่าทุกคนพยายามทุ่มเทการทำงานอย่างเต็มที่ แม้จะเกิดปัญหาบ้าง ขออย่าท้อถอย ขอให้อดทน โดยเฉพาะความพยายามของการรักษาสมดุลด้านการสาธารณสุข เศรษฐกิจ และสังคมเป็นสิ่งสำคัญ รวมถึงต่างประเทศด้วย
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ปัจจุบันยังต้องเผชิญเรื่องการบิดเบือนข้อมูลต่างๆ ดังนั้นขอให้ทุกคนยืนยันเจตนารมณ์ที่บริสุทธิ์ที่จะทำเพื่อชาติบ้านเมือง และก้าวเดินสู่ความสำเร็จ พร้อมขอบคุณทีมประชาสัมพันธ์และโฆษก ศบค.ด้วย และขอให้ชี้แจงทำความเข้าใจ ตอบคำถามประเด็นข้อสงสัยได้ทันท่วงที รวมไปถึงชี้แจงผ่านช่องทางการติดต่อสื่อสารออนไลน์ต่างๆด้วย
ทั้งนี้มีรายงานข่าวว่า ก่อนการประชุม ศบค. นายกรัฐมนตรี ได้พูดคุยกับ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย และนายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ด้วยสีหน้าเคร่งเครียด ท่ามกลางกระแสการปรับเปลี่ยนคณะรัฐมนตรี (ครม.)