นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 (ศบค.) รายงานสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ในประเทศวันนี้ว่า พบผู้ป่วยยืนยันติดเชื้อรายใหม่ 6 ราย ซึ่งเป็นผู้ที่เดินทางกลับจากต่างประเทศ ส่วนในประเทศไม่พบผู้ติดเชื้อรายใหม่ต่อเนื่องตั้งแต่วันที่ 25 พ.ค.เป็นต้นมา
สำหรับผู้ป่วยยืนยันสะสมล่าสุดอยู่ที่ 3,261 ราย เป็นผู้ป่วยในประเทศ 2,444 ราย และผู้ป่วยใน State Quarantine จำนวน 324 ราย จำนวนผู้ป่วยรักษาหายแล้วรวม 3,105 ราย และยังมีผู้ป่วยรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาล 98 ราย ขณะที่ไม่มีผู้เสียชีวิตเพิ่ม โดยยอดผู้เสียชีวิตสะสมอยู่ที่ 58 ราย
ผู้ติดเชื้อรายใหม่ที่พบในวันนี้เป็นผู้ที่เดินทางมาจากประเทศอียิปต์ 4 ราย ทั้งหมดเป็นนักศึกษา เดินทางมาถึงไทยวันที่ 8 ก.ค. (เป็นเที่ยวบินเดียวกับที่เคยรายงานผู้ติดเชื้อก่อนหน้านี้ 11 ราย) เข้าพัก State Quarantine ที่ จ.ชลบุรี และตรวจหาเชื้อในวันที่ 21 ก.ค. ผลตรวจพบเชื้อ
ส่วนอีก 1 รายเดินทางกลับจากประเทศสหรัฐอเมริกา เป็นหญิงไทย อายุ 36 ปี อาชีพพนักงานบริษัทมาถึงไทยวันที่ 10 ก.ค. เข้าพัก State Quarantine ที่กทม. และตรวจหาเชื้อวันที่ 20 ก.ค. ผลตรวจพบเชื้อแต่ไม่แสดงอาการ และ 1 ราย เดินทางกลับจากประเทศเยอรมนี เป็นหญิงไทย อายุ 57 ปี อาชีพแม่บ้าน มาถึงไทยวันที่ 16 ก.ค. เข้าพัก State Quarantine ที่กทม. และตรวจหาเชื้อในวันที่ 20 ก.ค. ผลตรวจพบเชื้อแต่ไม่แสดงอาการ
ขณะที่ศูนย์ปฏิบัติการฉุกเฉินด้านการแพทย์และสาธารณสุข ได้รายงานความคืบหน้าสถานการณ์ที่ จ.ระยอง และ กทม.โดยกลุ่มเสี่ยงหรือกังวลว่าอาจติดเชื้อโควิดจากกรณีทหารอียิปต์และเด็กชาวซูดานทุกรายที่ไปตรวจ 7,207 ราย ไม่พบเชื้อ อย่างไรก็ตาม สถานการณ์ของ 2 จังหวัดนี้ทำให้เกิดการเรียนรู้ และจะต้องมีมาตรการอย่างละเอียดเพื่อดูแลกันต่อไป
สำหรับสถานการณ์ทั่วโลก ล่าสุดมีผู้ป่วยยืนยันการติดเชื้อรวม 15,093,712 คน เสียชีวิต 619,467 คน สหรัฐอเมริกา มีจำนวนผู้ป่วยยืนยันสะสมแตะ 4 ล้านคนเป็นวันแรก โดยอยู่ที่ 4,028,569 คน รองลงมาคือบราซิล จำนวนผู้ป่วยยืนยัน 2,166,532 คน อินเดีย จำนวนผู้ป่วยยืนยันอยู่ที่ 1,194,085 คน ส่วนไทยอยู่ที่อันดับ 103 ขยับลงมาจากวานนี้ที่อยู่ที่อันดับ 102
นพ.ทวีศิลป์ กล่าวถึงความก้าวหน้าของวัคซีน ข่าวล่าสุดคือที่อังกฤษมีความก้าวหน้าในการทดลองระดับของมนุษย์แล้ว ซึ่งที่ประชุม ศบค.ชุดใหญ่เห็ฯว่าควรจะมีความร่วมมือกันระดับรัฐบาล และการประสานงานกันในระดับภาคเอกชนในประเทศไทยกับภาคเอกชนต่างประเทศ โดยจะสนับสนุนให้โรงงานสยามไบโอไซเอนซ์ ซึ่งเป็นโรงงานที่มีศักยภาพสูงที่สุดและเป็นโรงงานที่ผลิตชุดตรวจปัจจุบัน และเป็นโรงงานในพระราชดำริ พัฒนาต่อยอดการผลิตวัคซีนนี้ให้ได้ และให้ลงรายละเอียดเพื่อหาแหล่งเงินทุน รวมทั้งนำไปสู่ความร่วมมือกับประเทศที่มีศักยภาพในการพัฒนาวัคซีนโดยเร็ว
ส่วนการรายงานเพื่อทราบอีกเรื่องการติดตามประเมินผลการดำเนินงานมาตรการผ่อนคลาย โดยผู้แทนของ ผบ.สส.ได้เปรียบเทียบระยะต่างๆของการทำงานระหว่างระยะที่ 4 กับระยะที่ 5 พบว่ามีเรื่องการกระทำความผิดต่าง ๆ ที่เพิ่มเติมขึ้นมา ซึ่งผอ.ศบค.และคณะ ขอให้มีการสร้างความร่วมมือกันมากขึ้น ขณะเดียวกันคงต้องมีบทลงโทษหากมีการฝ่าฝืนในเรื่องต่าง ๆ เหล่านี้
"ท่านนายกฯ ในฐานะ ผอ.ศบค.ได้ฝากให้กำลังใจ ขอบคุณชาวระยอง ชาว กทม.ที่เกี่ยวข้อง และเจ้าหน้าที่ที่ทำงานอย่าได้ท้อถอยและให้มีความอดทน เพราะโรคนี้ยังจะต้องอยู่กับเราไปอีกพอสมควร หลักการคือพยายามจัดสมดุลระหว่างสาธารณสุขกับเศรษฐกิจ การทำงานตรงนี้ต้องมีแผนทั้งเชิงรับและเชิงรุก มีแผนเผชิญเหตุที่เราจะต้องเรียนรู้และจัดการเพิ่มเติม ที่สำคัญที่สุดต้องรับฟังเสียงและความคาดหวังของประชาชนซึ่งให้เป็นไปตามความเป็นจริง ต้องพยายามเพิ่มเติมการสื่อสารออนไลน์ทั้งหลาย...ท่าเป็นห่วงเรื่องการชุมนุมซึ่งก็ต้องมีความสมดุลกับการจัดการระยะห่าง"นพ.ทวีศิลป์ กล่าว