นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (ศบค.) เปิดเผยว่า ที่ประชุม ศบค.ชุดใหญ่ที่มี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม เป็นประธานในช่วงเช้าวันนี้ มีมติเห็นชอบในหลักการกรณีการผ่อนคลายมาตรการเพื่อเปิดให้ชาวต่างชาติเดินทางเข้ามาในประเทศไทย โดยให้มีการกำหนดแนวทางปฏิบัติต่าง ๆ เพื่อสกัดการแพร่ระบาดของเชื้อไวัสโควิด-19
สำหรับชาวต่างชาติ 4 กลุ่มที่จะผ่อนผันให้สามารถเดินทางเข้าประเทศ ได้แก่ 1.กลุ่มที่เข้ามาร่วมงานแสดงสินค้า 2.กองถ่ายทำภาพยนตร์ 3.กลุ่มที่เข้ามาตามโครงการ Medical & Wellness Program เพื่อเข้ารับบริการทางสุขภาพ และ 4. กลุ่มผู้ถือบัตร Thailand Elite Card ทั้งนี้ เพื่อเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจในประเทศ
แนวทางปฏิบัติเบื้องต้นคือ จะต้องมีการกักตัวใน Alternative Quarantine และจะมีเจ้าหน้าที่ติดตามกลุ่มที่เดินทางเข้ามาตลอดระยะเวลา ส่วนกลุ่ม Medical & Wellness Program หลังจากเข้ามาพักรักษาอยู่ในโรงพยาบาลครบ 14 วันแล้ว สามารถเดินทางท่องเที่ยวต่อไปในที่ต่าง ๆ ได้
ขณะที่กลุ่มผู้ถือบัตร Thailand Elite Card ที่ปัจจุบันมีสมาชิกรวมทั้งสิ้น 10,363 ราย แบ่งเป็นอยู่ในไทย 3,108 ราย และ อยู่ต่างประเทศ 7,255 ราย จะเริ่มนำร่องให้เดินทางเข้ามาในประเทศไทยได้ 200 ราย
ส่วนรายละเอียดได้มอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องไปพิจารณากำหนดแนวทางต่อไป
นพ.ทวีศิลป์ กล่าวถึงการพิจารณาแนวทาง มาตรการ หลักเกณฑ์ และวิธีการปฏิบัติสำหรับการนำแรงงานต่างด้าว 3 สัญชาติ คือ เมียนมา ลาว และกัมพูชาเข้ามาในประเทศ ซึ่งกระทรวงแรงงานรายงานว่า ตอนนี้มีความต้องการใช้แรงงานที่ไร้ฝีมือ ต้องใช้แรงกายเป็นส่วนใหญ่ใน 2 กลุ่ม คือกลุ่มที่มีใบอนุญาตการทำงาน (Work Permit) และมีวีซ่าอยู่แล้ว ซึ่งต้องการกลับเข้ามาทำงานใหม่ จำนวน 69,235 คน และแรงงานที่ยังไม่มี Work Permit ไม่มีวีซ่าแต่ต้องการนำเข้ามา 42,168 คน รวมแล้วประมาณ 120,000 คน
การเข้ามาของแรงงานต่างชาติจะเน้นในธุรกิจก่อสร้างงานโครงสร้างพื้นฐานและอุตสาหกรรมอาหาร เข้ามาแล้วต้องเข้า State Quarantine และ ผู้ประกอบการต้องจ่ายค่าใช่ขเอง ซึ่งเกือบๆ 20,000 บาทต่อคน อาจจะทำให้ต้นทุนการผลิตสูงขึ้นไป จึงมีการพูดถึง Organizational Quarantine ให้หน่วยงานจัดพื้นที่ให้แรงงานกลุ่มนี้เข้ามากัดตัว โดยจะต้องมีการตรวจมาตรฐานทั้งจากกระทรวงสาธารณสุขและฝ่ายความมั่นคงตามที่ ศบค.กำหนด ซึ่งช่องทางที่แรงงานเหล่านี้จะเข้ามาคือ สระแก้ว หนองคาย มุกดาหาร ตาก ระนอง และสนามบินสุวรรณภูมิ