นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 (ศบค.) กล่าวว่า องค์การอนามัยโลก (WHO) เลือกประเทศไทยในการถ่ายทำสารคดีความสำเร็จในการจัดการการควบคุมและป้องกันโควิด-19 โดยมีการถ่ายทำที่กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข โดยประเทศไทยเป็นหนึ่งในสองประเทศ โดยอีกประเทศ คือ นิวซีแลนด์ที่ WHO เลือกมาถ่ายทำสารคดีชุดนี้
นอกจากนี้ สำนักข่าวบลูมเบิร์กยังจัดอันดับให้ไทยจัดการสถานการณ์โควิด-19 ได้ดีที่สุดเป็นอันดับ 4 ในกลุ่มประเทศเศรษฐกิจกำลังพัฒนา 75 ประเทศ โดยอันดับ 1-3 คือ ไต้หวัน บอตสวานา และเกาหลีใต้ ส่วนประเทศจีนเป็นอันดับที่ 5 โดยการจัดอันดับครั้งนี้ใช้ตัวชี้วัด คือ อัตราผู้เสียชีวิต การเปรียบเทียบการดำเนินกิจกรรมของประชาชนกับช่วงก่อนโควิด และการดำเนินนโยบายของภาครัฐในการลดความเสียหายที่เกิดขึ้น
ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรี ในฐานะผู้อำนวยการ ศบค.กล่าวในการประชุม ศบค.ชุดใหญ่เมื่อวันที่ 22 ก.ค.ว่าสิ่งที่ทางการสื่อสารกับภาคประชาชนต้องให้ความคาดหวังตรงกับสิ่งที่เป็นจริง ซึ่งในสถานการณ์โลกที่ยังมีผู้ติดเชื้อพุ่งสูง สิ่งที่คาดหวังให้ผู้ติดเชื้อในประเทศเป็น 0 ต้องปรับให้มาตรงกับความเป็นจริงให้มากที่สุด ซึ่งจะเป็นเท่าไหร่ที่ศักยภาพสาธารณสุขเราจะรับได้ก็จะต้องทำ ดังนั้น เราต้องช่วยกันให้มากที่สุด
นพ.ทวีศิลป์ กล่าวอีกว่า สถานการณ์ในประเทศำลังทยอยกลับเข้าสู่ปกติ โดยขณะนี้โรงเรียนต่าง ๆ สามารถเปิดเรียน 100% ได้ทั้ง 4,532 โรงแล้ว แต่ที่ยังใช้การสลับวันและเวลาเรียนกัน ซึ่งแต่ละโรงเรียนก็มีบริบทแตกต่างกันไป บางโรงเรียนที่เลือกใช้วิธีนี้เพราะพื้นที่เล็ก จำนวนเด็กนักเรียนมีมาก และยังไม่สามารถใช้วิธีปกติได้ โดย ศบค.ได้มอบให้กระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) และกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) เจาะลงไปดูว่ามีมาตรการใดหรือปัจจัยอื่นใดที่จะสามารถปรับวิธีได้ดีกว่านี้หรือไม่
"เราก็ปลอดเชื้อมาตลอด บางจังหวัดเป็นพื้นที่สีเขียวมาตั้งแต่ต้น มั่นใจว่าทั้งจังหวัดไม่มีคนแปลกปลอมเข้ามา จะให้กลับเข้ามาเรียนโดยมีความแออัดได้หรือไม่"นพ.ทวีศิลป์ กล่าว
ส่วนข้อเสนอให้เปิดด่านพรมแดนทุกจุดนั้น นพ.ทวีศิลป์ กล่าวว่า เรื่องนี้ ศบค.ต้องเป็นผู้อนุมัติ แต่ผู้ประสานเสนอมาตรการและข้อปฏิบัติ คือ กระทรวงมหาดไทย ซึ่ง ศบค.ได้มอบหมายให้ไปดูเรื่องความเหมาะสมทั้ง 91 จุดผ่านแดน โดยจะทบทวนและมีข้อเสนอและมาตรการในเชิงปฏิบัติและนำมาสู่การอนุมัติโดย ศบค.
"เราจะมองรอบด้านทั้งมุมของมหาดไทย มุมทางด้านสาธารณสุข ด้านความมั่นคง มุมด้านแรงงานและอีกหลายมุม ซึ่งมหาดไทยจะเป็นเจ้าภาพไปคุยกันก่อน แล้ว ศบค.จะมากำกับดูแลมาตรการ เพื่อให้ความมั่นใจกับประชาชนว่าสิ่งที่เราจะตัดสิน เรื่องการควบคุมโรคมีความสำคัญสูงสุด ส่วนเรื่องเศรษฐกิจและสังคมจะตามมา"นพ.ทวีศิลป์ กล่าว
นพ.ทวีศิลป์ ยังกล่าวถึงการหาพื้นที่กักตัวแรงงานต่างด้าวที่ดำเนินการโดยนายจ้าง (Organizational Quarantine) สามารถเสนอมาที่ ศบค.และกระทรวงแรงงานได้ เพราะได้อนุมัติหลักการไว้แล้ว โดย ศบค.และกระทรวงแรงงานพร้อมจะร่วมหารือกับนายจ้าง และดึงสาธารณสุขและตรวจคนเข้าเมืองมาหารือกันทั้งหมด รวมทั้งเข้าไปกำกับในทุกขั้นตอนเพื่อสร้างความมั่นใจเหมือนกับ State Quarantine และ Local Quarantine