แพทย์หญิงพรรณประภา ยงค์ตระกูล ผู้ช่วยโฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 (ศบค.) เปิดเผยสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ในประเทศวันนี้ว่า พบผู้ป่วยยืนยันติดเชื้อรายใหม่ 7 ราย เดินทางกลับจากประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ 1 ราย และอียิปต์ 5 ราย ขณะที่พบชาวต่างชาติ 1 รายมาจากสหรัฐอเมริกา เข้าพักใน State Quarantine ทั้งหมดไม่มีอาการป่วย ส่วนในประเทศยังคงไม่พบผู้ติดเชื้อรายใหม่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
สำหรับผู้ป่วยยืนยันสะสมล่าสุดอยู่ที่ 3,328 ราย เป็นผู้ป่วยในประเทศ 2,444 ราย และตรวจพบในสถานที่กักกันที่รัฐจัดให้ จำนวน 391 ราย จำนวนผู้ป่วยรักษาหายแล้วรวม 3,144 ราย และยังมีผู้ป่วยรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาล 126 ราย ขณะที่ไม่มีผู้เสียชีวิตเพิ่ม โดยยอดผู้เสียชีวิตสะสมอยู่ที่ 58 ราย
ผู้ติดเชื้อรายใหม่วันนี้ เดินทางมาจากประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ 1 ราย เป็นหญิงไทย อายุ 34 ปี อาชีพพนักงานนวด เดินทางถึงไทยวันที่ 29 ก.ค. เข้าพัก State Quarantine จ.ชลบุรี และตรวจหาเชื้อในวันที่ 2 ส.ค. ผลตรวจพบเชื้อ ไม่มีอาการ
จากประเทศอียิปต์ 5 ราย เป็นนักศึกษาหญิงไทย 1 ราย อายุ 21 ปี และนักศึกษาชายไทย 4 ราย อายุ 22, 23, 26 และ 30 ปี เดินทางถึงไทยวันที่ 30 ก.ค. (เที่ยวบินเดียวกับผู้ป่วยยืนยันก่อนหน้า 1 ราย) เข้าพัก State Quarantine จ.ชลบุรี และตรวจหาเชื้อในวันที่ 3 ส.ค. ผลตรวจพบเชื้อ ทั้งหมดไม่มีอาการ
และอีก 1 รายเดินทางมาจากสหรัฐอเมริกา เป็นเพศหญิง สัญชาติอเมริกัน อายุ 26 ปี อาชีพครู เดินทางถึงไทยวันที่ 31 ก.ค. เข้าพัก Alternative State Quarantine ที่กรุงเทพฯ และตรวจหาเชื้อในวันที่ 3 ส.ค. ผลตรวจพบเชื้อ ไม่มีอาการ
พญ.พรรณประภา ยังกล่าวถึงผลตรวจหาเชื้อไวรัสโควิด-19 ในทหารอเมริกันกลุ่มแรกทั้ง 71 นาย ที่เข้ามาประเทศไทยเพื่อทำการฝึกซ้อมรบ และพักอยู่ใน Alternative State Quarantine ว่า ได้มีการตรวจหาเชื้อทหารอเมริกันทั้ง 71 นายแล้ว ไม่พบว่ามีการติดเชื้อไวรัสโควิด ส่วนทหารอเมริกันกลุ่มที่ 2 ได้มีการตรวจหาเชื้อไปแล้วเช่นกัน แต่ยังอยู่ระหว่างการรอผลตรวจจากห้องปฏิบัติการ
ขณะที่การตรวจหาเชื้อไวรัสโควิดจากประชาชนที่ร่วมชมคอนเสิร์ตนักร้องสาวเจนนี่ ที่ จ.นครศรีธรรมราช เมื่อวันที่ 25 ก.ค.ที่ผ่านมานั้น กระทรวงสาธารณสุขได้นำรถตรวจโรคติดเชื้อชีวนิรภัยพระราชทาน 5 คัน ลงพื้นที่ จ.นครศรีธรรมราช เพื่อบริการตรวจหาเชื้อฟรีในระหว่างวันที่ 4-5 ส.ค.63 โดยได้ตรวจประชาชนไปแล้ว 617 คนเมื่อวานนี้ (4 ส.ค.) ขณะที่วันนี้คาดว่าจะตรวจได้อีก 2,400 คน ซึ่งขอให้ประชาชนที่เดินทางไปชมคอนเสิร์ตดังกล่าว สามารถมารับบริการตรวจหาเชื้อโควิดได้ฟรี
สำหรับสถานการณ์ทั่วโลกขณะนี้มีผู้ติดเชื้อโควิด-19 สะสมรวมแล้วถึง 18.7 ล้านคน เสียชีวิตแล้วกว่า 7.04 ล้านคน โดยประเทศที่มีสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด มากสุด 3 อันดับแรกของโลก คือ อันดับ 1 สหรัฐอเมริกา มียอดผู้ติดเชื้อสะสมแล้ว 4.9 ล้านคน ผู้เสียชีวิตรวม 1.6 แสนคน รองลงมา บราซิล มียอดผู้ติดเชื้อสะสม 2.8 ล้านคน ผู้เสียชีวิตรวม 9.6 หมื่นคน และอันดับสาม อินเดีย ยอดผู้ติดเชื้อสะสม 1.9 ล้านคน แต่จำนวนผู้เสียชีวิตของเม็กซิโก อยู่ในอันดับสามที่ 4.8 หมื่นคน
"จำนวนผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ของ 3 ประเทศ คือ สหรัฐ บราซิล และอินเดีย เมื่อรวมกันแล้วคิดเป็นสัดส่วนมากกว่า 50% ของจำนวนผู้ติดเชื้อรวมกันทั่วโลก" ผู้ช่วยโฆษก ศบค.ระบุ
ทั้งนี้ จะมีเที่ยวบินนำคนไทยที่ตกค้างอยู่ต่างประเทศเดินทางกลับเข้าไทยในวันนี้ (5 ส.ค.) รวม 470 คน ประกอบด้วย จากจีน 60 คน, จากญี่ปุ่น 160 คน และจากไต้หวัน 250 คน ส่วนวันพรุ่งนี้ (6 ส.ค.) มี 453 คน ประกอบด้วย จากสวีเดน 2 คน, จากสหราชอาณาจักร 1 คน, จากไต้หวัน 250 คน และจากเกาหลีใต้ 200 คน
สำหรับสถานการณ์ที่น่าสนใจในต่างประเทศ พบว่า ประเทศฟิลิปปินส์ พื้นที่ทุกเขตของกรุงมะนิลา และจังหวัดปริมณฑลอีก 5 แห่ง ต้องกลับเข้าสู่มาตรการล็อกดาวน์เข้มงวดเป็นเวลา 2 สัปดาห์ ระหว่างวันที่ 4-18 ส.ค.นี้ ตามคำสั่งของประธานาธิบดี โดยระบบขนส่งสาธารณะแทบทั้งหมดจะหยุดให้บริการ ขณะเดียวกัน มาตรการจำกัดการเคลื่อนไหวของประชาชน จะมีความเข้มงวดมากขึ้น การเดินทางออกจากบ้านต้องมีเหตุจำเป็นเท่านั้น และสามารถออกจากบ้านได้เพียงวันละ 1 ครั้งเท่านั้น
ส่วนสถานการณ์ในประเทศเวียดนาม ได้พบการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ ที่เมืองดานัง ซึ่งเป็นครั้งแรกในรอบ 99 วันที่เวียดนามกลับมาพบผู้ติดเชื้อจากภายในประเทศ ทำให้ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งพยายามตีกรอบล้อมวงการแพร่กระจายของเชื้อโรคให้อยู่ในรัศมีที่แคบที่สุด
อย่างไรก็ดี รัฐบาลเวียดนามไม่มีแผนการล็อกดาวน์ในระดับเดียวกันทั้งประเทศ หรือทั้งจังหวัด หรือทั้งอำเภอ แต่จะใช้วิธีปิดกั้นเฉพาะพื้นที่ที่มีการพบผู้ติดเชื้อ ซึ่งแนวทางนี้จะช่วยให้การดำเนินการควบคุมโรคควบคู่ไปกับการขับเคลื่อนเศรษฐกิจได้อย่างราบรื่นที่สุด
ผู้ช่วยโฆษก ศบค. ยังกล่าวถึงการเปิดการเรียนการสอนตามปกติว่า ในวันศุกร์นี้ (7 ส.ค.) จะมีการประชุม ศบค.ชุดใหญ่ ซึ่งต้องรอมติจากที่ประชุมว่าจะมีแนวทางปฏิบัติสำหรับการเปิดเรียนได้ตามปกติทั้ง 100% ของสถานศึกษาต่างๆ อย่างไร จากนั้นจึงจะแจ้งมาตรการให้แก่สถานศึกษา ตลอดจนผู้ปกครองและนักเรียนได้รับทราบต่อไป
พญ.พรรณประภา ยืนยันว่า กระทรวงสาธารณสุข และ ศบค.ได้เตรียมมาตรการรองรับไว้ดูแลประชาชนอย่างเต็มที่ หากประเทศไทยเกิดการแพร่ระบาดของไวรัสโควิดรอบสอง เช่นเดียวกับที่หลายประเทศกำลังเผชิญอยู่ในขณะนี้ อย่างไรก็ดี สิ่งที่สำคัญที่สุดมากกว่าการรักษา คือการป้องกัน โดยประชาชนทุกคนยังจำเป็นต้องปฏิบัติตามมาตรการป้องกันการติดเชื้ออย่างเคร่งครัด โดยเฉพาะการสวมหน้ากากผ้า/หน้ากากอนามัย ทั้งนี้ เพื่อป้องกันตัวเองและคนรอบข้างไม่ให้เป็นแหล่งรับเชื้อหรือแพร่กระจายเชื้อออกไปได้