(เพิ่มเติม) COVID-19: ศบค.เผยพบผู้ติดเชื้อโควิด-19 รายใหม่ 15 ราย เป็นผู้เดินทางมาจากต่างประเทศ

ข่าวทั่วไป Friday August 7, 2020 13:22 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 (ศบค.) เปิดเผยสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ในประเทศวันนี้ว่า พบผู้ป่วยยืนยันติดเชื้อรายใหม่ 15 ราย เดินทางกลับจากต่างประเทศ และเข้าพักใน State Quarantine ส่วนในประเทศยังคงไม่พบผู้ติดเชื้อรายใหม่อย่างต่อเนื่อง

สำหรับผู้ป่วยยืนยันสะสมล่าสุดอยู่ที่ 3,345 ราย เป็นผู้ป่วยในประเทศ 2,444 ราย และตรวจพบในสถานที่กักกันที่รัฐจัดให้ จำนวน 408 ราย จำนวนผู้ป่วยรักษาหายแล้วรวม 3,148 ราย และยังมีผู้ป่วยรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาล 139 ราย ขณะที่ไม่มีผู้เสียชีวิตเพิ่ม โดยยอดผู้เสียชีวิตสะสมอยู่ที่ 58 ราย

ผู้ติดเชื้อรายใหม่วันนี้ เป็นคนไทยเดินทางมาจากประเทศอียิปต์ 4 ราย เป็นชายไทยทั้งหมด อายุ 22, 23, 26 และ 28 ปี เดินทางถึงไทยวันที่ 24 ก.ค. (เที่ยวบินเดียวกับผู้ป่วยยืนยันก่อนหน้า 5 ราย) เข้าพัก State Quarantine จ.ชลบุรี และตรวจหาเชื้อในวันที่ 5 ส.ค. ผลตรวจพบเชื้อทั้งหมดไม่มีอาการ

และเป็นผู้เดินทางจากซาอุดีอาระเบีย 10 ราย เป็นนักศึกษาชายไทย 9 ราย อายุระหว่าง 24-28 ปี และ อีก 1 ราย เป็นชายไทย อายุ 43 ปี อาชีพพนักงานโรงงาน เดินทางถึงไทยวันที่ 25 ก.ค. (เที่ยวบินเดียวกับผู้ป่วยยืนยันก่อนหน้า 2 ราย) เข้าพัก State Quarantine จ.ชลบุรี และตรวจหาเชื้อในวันที่ 5 ส.ค.ผลตรวจพบเชื้อ ทั้งหมดไม่มีอาการ

ส่วนอีก 1 ราย เป็นชายไทย อายุ 29 ปีกลับมาจากญี่ปุ่น อาชีพรับจ้าง เดินทางถึงไทยวันที่ 31 ก.ค. และเข้าพัก State Quarantine ที่ จ.สมุทรปราการ และตรวจหาเชื้อในวันที่ 5 ก.ค. ผลตรวจพบเชื้อแต่ไม่มีอาการ

สำหรับมาตรการนำคนไทยที่ตกค้างอยู่ต่างประเทศเดินทางกลับเข้าไทยในวันนี้ จะมาจากสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์และสิงคโปร์ จำนวน 258 คน และในวันที่ 8 ส.ค.จะมาอีก 502 คน จากเนเธอร์แลนด์ กาตาร์ อินเดีย และ สหรัฐอเมริกา

สำหรับสถานการณ์ทั่วโลกล่าสุดมีผู้ติดเชื้อสะสม 19,256,652 คน เพิ่มขึ้น 282,728 คน เสียชีวิต 717,680 คน เพิ่มขึ้น 6,491 คน โดยประเทศที่มีผู้ติดเชื้อสูงสุด 3 อันดับแรกยังคงเป็นสหรัฐอเมริกา บราซิล และอินเดีย โดยมีผู้ติดเชื้อรวมกันเกินครึ่งโลกแล้ว ขณะที่ไทยอยู่ในอันดับที่ 112

นพ.ทวีศิลป์ กล่าวว่า ทางองค์การสหประชาชาติประจำประเทศไทย ได้แสดงความชื่นชมความสำเร็จของประเทศไทยในการจัดการกับวิกฤตโควิด-19 ที่ทำให้องค์การอนามัยโลกยกให้ไทยและนิวซีแลนด์เป็นความสำเร็จที่ประเทศอื่นควรศึกษา โดยระบุว่าประเทศไทยเป็นตัวอย่างของความแข็งแกร่งในการฟื้นฟูอย่างยอดเยี่ยมจากเดิมที่เคยมีผู้ติดเชื้อเป็นอันดับสองของโลก จนปัจจุบันไม่มีผู้ติดเชื้อในประเทศนานกว่าสองเดือนแล้ว โดยชี้ว่าความสำเร็จนี้มาจาก 3 ปัจจัยหลัก คือ 1.การดำเนินมาตรการของรัฐบาล 2.ความรับผิดชอบต่อสังคมของจิตอาสา และ 3.ความสามัคคีเป็นอันหนึ่งอันเดียวของประชาชนในการช่วยกันป้องกันโรค

นพ.ทวีศิลป์ ยืนยันว่า ในการใช้โรงแรมเป็นพื้นที่ในการกักตัวสังเกตุอาการในรูปแบบ Alternative State Quarantine (ASQ) ไม่ได้มีการปิดบังแต่อย่างใด ซึ่งประชาชนสามารถตรวจสอบรายชื่อโรงแรมที่ให้บริการ ASQ ได้ทาง www.hsscovid.com

โฆษก ศบค. ยืนยันว่า ทุกโรงแรมที่ใช้พื้นที่เป็นสถานที่กักกันได้รับการตรวจสอบจากกระทรวงสาธารณสุขและฝ่ายความมั่นคงอย่างเข้มงวด มีมาตรฐานระดับสูง ในกรณีที่บางโรงแรมเปิดให้บริการด้านอื่น ๆ อาทิ ร้านอาหาร และเปิดให้แขกทั่วไปเข้าพัก ก็มีมาตรการป้องกันอย่างเข้มงวดสำหรับผู้ที่กักตัวสังเกตอาการ แยกโซนเฉพาะผู้กักตัวไม่ปะปนกับคนทั่วไป พักอยู่แต่ในห้องส่วนตัว รับประทานอาหารส่วนตัว แยกของใช้ส่วนตัวและถุงขยะ รับการตรวจหาเชื้อไวรัสโควิด-19 จำนวน 2 ครั้ง ถ้าพบเชื้อจะมีการนำส่งโรงพยาบาลทันที รวมถึงมีแพทย์ พยาบาล ให้การดูแลตลอด 24 ชม. จนกว่าจะครบ 14 วัน จึงขอให้ประชาชนให้ความมั่นใจ เข้ารับบริการจากโรงแรมดังกล่าวและอุดหนุนร้านค้าประกอบการในพื้นที่บริเวณใกล้เคียง เพื่อสนับสนุนการกระตุ้นเศรษฐกิจ

"ขอบคุณผู้ประกอบการโรงแรมทั้งหลายที่เข้าร่วมเป็น ASQ...ต่อไปนโยบายของ ผอ.ศบค.ต้องการให้ขับเคลื่อนเศรษฐกิจได้ได้ ลดและบริหารอารมณ์ของคนไทยให้ Tone Down ลง เราควบคุมได้ดีและเชื่อว่าคนที่เข้ามาในประเทศไทย และ ศบค.มองในภาพเชิงนโยบาย ดูแลกำกับกันดี ศบค.ต้องผ่องถ่ายความรับผิดชอบนี้ไปยังหน่วยงานต้นทางที่เชื่อมโยงนำคนต่างชาติเหล่านี้เข้ามา...เพราะฉะนั้นเราดูทั้งเชิงนโบายและเชิงปฏิบัติ แต่อย่างไรก็ตามเป็นความรับผิดชอบร่วมกัน เชื่อว่าคนไทยทุกคนก็ร่วมด้วยช่วยกันในการตระหนักการดูแลไม่ให้มีเชื้อเข้ามาในประเทศ ขณะเดียวกันต้องไม่ตระหนกจนทำให้ทุกอย่างหยุดชะงัก ทำให้เราต้องจัดสมดุล 2 อย่างให้ไปด้วยกัน ยังมีนักธุรกิจที่เป็นลักษณะที่อยากมาลงทุน อยากมาเซ็นสัญญา ล่าสุดจะมีนักธุรกิจจีนจะเข้ามาเซ็นสัญญานำลำไยของไทยมูลค่าพันกว่าล้านไปขาย โดยจะเข้ามา 3 เดือน และจะเข้า ASQ 14 วัน และต่อไปจะมีเข้ามาในระยะสั้นๆ ซึ่งทุกอย่าง ศบค.ได้อนุมัติในเชิงหลักการทั้งหมดแล้ว จะเหลือในเชิงปฏิบัติที่กระทรวง ทบวง กรมจะลงในรายละเอียด"โฆษก ศบค.กล่าว

สำหรับผลการตรวจทหารสหรัฐฯ ที่เดินทางมาฝึกในประเทศไทยนั้น นพ.ทวีศิลป์ กล่าวว่า กองทัพบกที่เป็นเจ้าภาพทำงานร่วมกับกระทรวงสาธารณสุข ซึ่งเมื่อเช้านี้ได้รับรายงานผลตรวจโควิดทหารสหรัฐอเมริกา จำนวน 110 ราย ที่พักอยู่ใน รร.อนันตรา ริเวอร์ไซด์, รร.ดิไอดอล และ รร.คอนราด ณ ตอนนี้ยังไม่พบการติดเชื้อทั้ง 110 ราย และทาง ศบค.จะได้มอบให้ทางกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) และกองทัพบก รายงานความคืบหน้าให้ประชาชนไปรับทราบต่อไป

"หากประชาชนกังวลมากเกินไป จะเป็นการหยุดโควิดและหยุดเศรษฐกิจไทยไปพร้อมกัน สถานที่กักตัวทางเลือกเป็นการแบ่งเบาภาระการกักตัวให้ภาคเอกชนดูแลตัวเอง กักตัวไม่ครบ 14 วัน ห้ามออกไปไหน โดยเหตุการณ์ที่ จ.ระยองเป็นบทเรียนสำคัญ ทำให้ ศบค.กำชับไปยังทุกแห่งต้องปฏิบัติตาม เราควบคุมไม่ให้มีใครนำเชื้อเข้ามาประเทศ แต่ต้องจัดสมดุลไม่ให้ตระหนกจนทำให้ทุกอย่างหยุดชะงัก และส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจ"

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ