น.ส.รัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ภายหลังที่พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นประธานพิธีเปิดร้านกาแฟคนพิการ APCD 60+Plus Bakery & Chocolate Cafe @ทำเนียบรัฐบาล เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมานั้น นอกจากนายกฯจะเชิญชวนให้ประชาชนเข้ามาอุดหนุนเพื่อเป็นกำลังใจกับผู้พิการแล้ว ยังได้ชื่นชมร้านฯที่เป็นแบบอย่างของการทำธุรกิจเพื่อสังคม ส่งเสริมให้คนพิการได้ใช้ศักยภาพของตนเอง มีงานทำและมีรายได้อย่างยั่งยืน และขอบคุณกระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ที่ได้ขับเคลื่อนการจัดตั้งวิสาหกิจเพื่อสังคม และการส่งเสริมอาชีพแก่ผู้พิการ
ทั้งนี้ นายกฯยังได้กำชับให้กระทรวงพัฒนาสังคมฯเดินหน้าส่งเสริมให้มีวิสาหกิจเพื่อสังคม (Social Enterprise-SE) อย่างต่อเนื่อง เพราะเป็นธุรกิจที่มุ่งส่งเสริมการจ้างงานในท้องถิ่นและกลุ่มคนเปราะบาง เช่น ผู้พิการ ผู้สูงอายุ หรือมีเป้าหมายในการแก้ปัญหาและพัฒนาชุมชน สังคม หรือสิ่งแวดล้อมเป็นหลัก ไม่ใช่มุ่งสร้างกำไรสูงสุดต่อผู้ถือหุ้น แต่ต้องนำกำไรไปทำประโยชน์เพื่อสังคม ซึ่งธุรกิจจะได้รับการยกเว้นเรื่องภาษีตามเงื่อนไขที่กฎหมายกำหนด ปัจจุบัน มีจดทะเบียนแล้วประมาณ 130 แห่ง ซึ่งพระราชบัญญัติส่งเสริมวิสาหกิจเพื่อสังคม เพิ่งประกาศใช้ในปี พ.ศ. 2562 มากไปกว่านั้น นายกฯยังเชื่อมั่นว่า วิสาหกิจเพื่อสังคมจะเป็นกลไกสำคัญให้ภาคเอกชนมีส่วนร่วมกับภาครัฐในการแก้ไขปัญหาสังคมและสิ่งแวดล้อม ยิ่งในสถานการณ์ที่มีการแพร่ระบาดของโควิด19 มีกลุ่มคนจำนวนมากที่ได้รับผลกระทบในเรื่องการจ้างงานและรายได้ โดยเฉพาะกลุ่มคนเปราะบาง
น.ส.รัชดา กล่าวด้วยว่า สำหรับภาพรวมงานด้านคนพิการของประเทศไทย เป็นไปตามนโยบาย "ไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง" และสอดคล้องกับแนวทางของสหประชาชาติ เพื่อให้คนพิการมีคุณภาพชีวิตที่ดี ดำรงชีวิตในสังคมชุมชนได้อย่างอิสระเท่าเทียม ซึ่งปี 2563 กรมส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ กระทรวงพัฒนาสังคมฯ ได้มีการดำเนินการร่วมกับหลายกระทรวง ใน 7 ประเด็นเร่งด่วน คือ 1) การส่งเสริมศักยภาพและพัฒนาอาชีพคนพิการ 2) การส่งเสริมเข้าถึงสิทธิคนพิการ 3) การส่งเสริมการจัดสิ่งอำนวยความสะดวกสำหรับคนพิการ 4) การคุ้มครองสวัสดิภาพคนพิการ 5) การเสริมสร้างความเข้มแข็งและการมีส่วนร่วมขององค์กรด้านคนพิการและเครือข่าย 6) การพัฒนาและขับเคลื่อนนโยบายและแผนด้านคนพิการ และ 7) ระบบการบริหารจัดการด้านคนพิการให้มีผลสัมฤทธิ์สูง