ศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 (ศบค.) รายงานสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ในประเทศวันนี้ว่า พบผู้ป่วยยืนยันติดเชื้อรายใหม่ 5 ราย ซึ่งทั้งหมดเป็นผู้เดินทางกลับมาจากต่างประเทศและพักอยู่ใน State Quarantine
โดยยอดผู้ป่วยยืนยันสะสมล่าสุดอยู่ที่ 3,356 ราย เป็นผู้ป่วยในประเทศ 2,444 ราย และผู้ป่วยใน State Quarantine จำนวน 419 ราย และมีผู้ป่วยรักษาหาย 6 ราย รวมเป็น 3,169 ราย ส่วนผู้ป่วยที่ยังรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาล 129 ราย ขณะที่ไม่มีผู้เสียชีวิตเพิ่ม โดยยอดผู้เสียชีวิตสะสมอยู่ที่ 58 ราย
สำหรับรายละเอียดของผู้ป่วยรายใหม่ 5 ราย โดยเดินทางมาจากสหรัฐอเมริกา 1 ราย เป็นชาย สัญชาติอเมริกัน อายุ 50 ปี เดินทางมาถึงไทยเมื่อวันที่ 28 ก.ค. เข้าพัก Alternative State Quarantine (ASQ) แห่งหนึ่งในกรุงเทพฯ และตรวจหาเชื้อครั้งที่ 2 ในวันที่ 10 ส.ค. ผลตรวจพบเชื้อ ไม่มีอาการ ผู้ป่วยรายที่ 2 เดินทางมาจากอินเดีย เป็นนักศึกษาชายไทย อายุ 18 ปี เดินทางมาถึงไทยเมื่อวันที่ 30 ก.ค. (เที่ยวบินเดียวกับผู้ป่วยยืนยันก่อนหน้า 1 ราย) เข้าพัก State Quarantine ที่กรุงเทพฯ และตรวจหาเชื้อครั้งที่ 2 ในวันที่ 10 ส.ค. ผลตรวจพบเชื้อ โดยเริ่มมีอาการเมื่อวันที่ 3 ส.ค. ด้วยอาการไข้ ปวดกล้ามเนื้อ ปวดศรีษะ มีน้ำมูกและเสมหะ
ส่วนผู้ป่วยอีก 3 ราย เดินทางมาจากอียิปต์ ทั้งหมดเป็นนักศึกษาชายไทย อายุ 23 ,24 และ 29 ปี เดินทางมาถึงไทยเมื่อวันที่ 30 ก.ค. (เที่ยวบินเดียวกับผู้ป่วยยืนยันก่อนหน้า 6 ราย) เข้าพัก State Quarantine ที่จ.ชลบุรี และตรวจหาเชื้อครั้งที่ 2 ในวันที่ 10 ส.ค. ผลตรวจพบเชื้อ ทั้งหมดไม่มีอาการ
สถานการณ์ทั่วโลก ล่าสุดพบผู้ป่วยยืนยันติดเชื้อ 20,514,016 ราย เสียชีวิต 745,687 ราย โดยประเทศที่พบผู้ติดเชื้อมากที่สุด 5 อันดับแรก ได้แก่ สหรัฐอเมริกา ,บราซิล ,อินเดีย ,รัสเซีย และแอฟริกาใต้ โดยไทยถูกจัดอยู่ในอันดับที่ 113 ขณะที่ประเทศในเอเชียที่ยังพบผู้ป่วยต่อเนื่อง ได้แก่ อินเดีย ปากีสถาน บังคลาเทศ อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ ญี่ปุ่น และเวียดนาม
สำหรับเที่ยวบินนำคนไทยตกค้างกลับประเทศ ในวันนี้จะมีเที่ยวบินเดินทางมาจากกรุงโซล ประเทศเกาหลีใต้ มาถึงเวลา 23.10 น. โดยมีคนไทยตกค้างที่เดินทางกลับเข้ามาทั้งหมด 123 ราย ส่วนสถิติคนไทยเดินทางกลับเข้าประเทศผ่านจุดผ่านแดนทางบก ตั้งแต่วันที่ 18 เม.ย.-11 ส.ค.63 มีผู้เดินทางเข้าสะสม 26,236 ราย ขณะที่การใช้แพลตฟอร์มไทยชนะ ณ วันที่ 11 ส.ค. มีผู้ใช้งาน 41,475,989 ราย กิจการ/ร้านค้า ลงทะเบียน 283,883 แห่ง
นพ.โสภณ เอี่ยมศิริถาวร ผู้อำนวยการกองโรคติดต่อทั่วไป กรมควบคุมโรค กล่าวว่า แม้ว่าประเทศไทยจะไม่มีรายงานผู้ติดเชื้อรายใหม่ที่รับเชื้อในประเทศมาระยะหนึ่งแล้ว แต่มีข่าวรายงานการระบาดครั้งใหม่ ในหลายประเทศที่เคยควบคุมโรคได้ดีมาก่อน เช่น ประเทศเวียดนาม นิวซีแลนด์ ดังนั้น ทุกภาคส่วนยังต้องเข้มงวดในมาตรการเฝ้าระวัง ป้องกัน ควบคุมโรค อย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในผู้ที่เดินทางมาจากต่างประเทศทุกคนต้องปฏิบัติตามมาตรการของกระทรวงสาธารณสุข ได้รับการกักตัวและตรวจหาเชื้อ โดยเก็บตัวอย่างจากโพรงจมูก และตรวจด้วยวิธี RT-PCR ซึ่งเป็นวิธีมาตรฐานในการตรวจหาเชื้อก่อโรคโควิด-19 เพื่อป้องกันและสกัดกั้นการนำเชื้อจากต่างประเทศเข้ามาแพร่ให้กับผู้คนในประเทศ
สถานการณ์ที่น่าเป็นห่วงคือขณะนี้เริ่มพบหลายสถานที่และกิจการ หย่อนมาตรการป้องกันโรค เช่น ปล่อยให้ผู้ใช้บริการเบียดเสียดใกล้ชิด และไม่สวมหน้ากากอนามัย/หน้ากากผ้า นับเป็นความเสี่ยงที่อาจทำให้เกิดการแพร่เชื้อได้ นอกจากนี้ ประชาชนบางส่วนไม่ได้ลงทะเบียนเข้าออกสถานที่ผ่านแพลตฟอร์ม/แอปพลิเคชันไทยชนะ ซึ่งหากมีผู้ติดเชื้ออยู่ในสถานที่เข้าใช้บริการก็จะยากต่อการนำผู้สัมผัสเข้าสู่ระบบการเฝ้าระวังอาการ
อย่างไรก็ตาม ไม่ว่าสถานการณ์จะเป็นอย่างไร หากประชาชนยังคงเข้มมาตรการส่วนบุคคล ทั้งการสวมหน้ากากอนามัย/หน้ากากผ้า ล้างมือบ่อย ๆ พยายามเว้นระยะห่างระหว่างผู้อื่น หลีกเลี่ยงการอยู่ในที่แออัด อากาศไม่ถ่ายเท จะช่วยลดความเสี่ยงต่อการแพร่เชื้อ สำหรับองค์กร สามารถช่วยลดความเสี่ยงได้หลายวิธี เช่น การให้พนักงานทำงานที่บ้าน เหลื่อมเวลาทำงาน คัดกรองไข้และอาการป่วยก่อนเข้าพื้นที่ รวมถึงให้พนักงานที่มีอาการโรคระบบทางเดินหายใจ ไข้หวัด หยุดงานอยู่บ้าน เพื่อป้องกันการแพร่เชื้อ และรีบไปรับการรักษา
หากทุกภาคส่วนร่วมมือกันโดยเริ่มจากจุดเล็ก ๆ คือคน และขยายสู่ครอบครัว ชุมชน สังคม จะช่วยให้ประเทศไทยปลอดภัย สามารถป้องกัน และจำกัดการระบาดของโรคโควิด-19 ได้ หากพบผู้ติดเชื้อในประเทศอีกครั้ง