นายเชิดเกียรติ อัตถากร อธิบดีกรมสารนิเทศ ในฐานะโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวถึงการดูแลคนไทยในต่างประเทศช่วงที่มีการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ว่า ข้อมูลคนไทยในต่างประเทศที่มีอยู่ประมาณ 1.6 ล้านคนนั้น กระทรวงการต่างประเทศได้เข้าไปดูแลคนไทยอย่างใกล้ชิดผ่านการเยี่ยมเยียน การแจกถุงยังชีพ หรือแม้แต่การพูดคุยผ่านออนไลน์ มีการประสานเจ้าหน้าที่ของประเทศนั้นในการช่วยดูแลคนไทยที่เจ็บป่วย หรือติดเชื้อโควิด รวมทั้งประสานกับเจ้าหน้าที่กระทรวงสาธารณสุขของไทยในการให้คำปรึกษาผ่านออนไลน์ด้วย
"หากประเทศไหนที่ขาดแคลน เราได้จัดส่งอาหาร เวชภัณฑ์ ตลอดจนสิ่งของจำเป็นในการดำรงชีพไปให้คนไทยในประเทศนั้น รวมทั้งประสานกับแพทย์ไทย และ รพ.เอกชน ในการให้คำปรึกษาด้านสุขภาพผ่านระบบออนไลน์ ส่วนคนไทยที่ติดเชื้อโควิด ทางสถานทูตและสถานกงสุลไทยในประเทศนั้นๆ ได้ติดตามดูแลการรักษา จัดส่งอุปกรณ์การดูแลที่จำเป็น โดยคำนึงถึงแนวทางการรักษาผู้ป่วยโควิดของประเทศนั้นๆ" นายเชิดเกียรติระบุ
ทั้งนี้ ตั้งแต่ 4 เม.ย.63 จนถึงปัจจุบัน กระทรวงการต่างประเทศได้มีการติดต่อประสานงานเพื่อนำคนไทยเดินทางกลับมาจากต่างประเทศแล้ว 69,764 คน จากทั้งหมด 97 ประเทศ แบ่งเป็น ทางอากาศ 45,941 คน ทางบก 22,854 คน และทางน้ำ 969 คน และเฉพาะในเดือนส.ค.นี้ มีคนไทยในต่างประเทศที่ประสงค์จะเดินทางกลับ 14,080 คน ซึ่งได้ทยอยเดินทางกลับมาต่อเนื่องตั้งแต่ต้นเดือน
โฆษกกระทรวงการต่างประเทศ ยืนยันว่า การนำคนไทยกลับเข้าประเทศจะให้ความสำคัญกับกลุ่มเปราะบางก่อนเป็นอันดับแรก เช่น ผู้ป่วย กลุ่มเยาวชน โดยได้มีการคัดกรองมาตรการความพร้อมด้านสาธารณสุขในประเทศเหล่านั้น ซึ่งการนำคนไทยกลับมาได้เพิ่มโควตาเป็นวันละ 600 คน จากเดิมวันละ 200 คน แต่ยืนยันว่าการเพิ่มโควตาดังกล่าวนี้ ได้คำนึงถึงศักยภาพด้านสาธารณสุขและความพร้อมรองรับผู้ที่จะเข้ามาพักในสถานที่กักตัวของรัฐ (State Quarantine) เป็นอย่างดีแล้ว
สำหรับสถิติคนต่างชาติที่เดินทางเข้ามาในประเทศไทย ตั้งแต่วันที่ 9 ก.ค.63 กระทรวงการต่างประเทศได้ออกเอกสารรับรองการเดินทางเข้าประเทศแล้วประมาณ 5,700 คน ซึ่งเป็น 11 กลุ่มบุคคลที่สามารถเดินทางเข้าไทยได้ตามเอกสารแนบท้ายคำสั่งของ ศบค.ที่ 8/2563 ซึ่งเมื่อคนต่างชาติเดินทางมาถึงไทยแล้ว จะต้องปฏิบัติตามมาตรการด้านสาธารณสุขภายในประเทศอย่างเคร่งครัด
"นับตั้งแต่เกิดสถานการณ์โควิดแพร่ระบาด กระทรวงการต่างประเทศได้ติดตามสถานการณ์และมาตรการของประเทศต่างๆ ที่ส่งผลกระทบต่อเนื่องกับคนไทย และได้มีการออกประกาศให้คำแนะนำตามสื่อต่างๆ ขณะเดียวกันได้ขอให้คนไทยติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด ดูแลตัวเอง และปฏิบัติตามมาตรการของประเทศนั้นๆ อย่างเคร่งครัด หากต้องการความช่วยเหลือ ให้ติดต่อได้ที่สายด่วน กรมการกงสุล โทรศัพท์ 02-572-8442 ได้ตลอด 24 ชั่วโมง" นายเชิดเกียรติระบุ
ด้าน นพ.สมศักดิ์ อรรฆศิลป์ อธิบดีกรมการแพทย์ กล่าวถึงการให้ความช่วยเหลือด้านสาธารณสุขแก่คนไทยในต่างประเทศว่า กรมการแพทย์ได้รับมอบหมายให้ดูแลคนไทยที่ตกค้างอยู่ในต่างประเทศ ซึ่งมีจำนวนมากยังไม่สามารถเดินทางกลับประเทศไทยได้ โดยมีทั้งคนป่วย คนตกงาน คนที่เอกสารไม่ครบ เป็นแรงงานผิดกฎหมาย รวมทั้งเที่ยวบินไม่เพียงพอ
อย่างไรก็ดี การที่คนไทยตกค้างจะเดินทางกลับเข้าประเทศได้นั้น ต้องมีเอกสารสำคัญครบถ้วน โดยเอกสารที่จำเป็นมาก คือ ใบรับรองแพทย์จากประเทศต้นทางว่าสามารถเดินทางทางอากาศได้ (fit-to-fly) รวมทั้งเอกสารรับรองจากสถานทูตของประเทศต้นทาง
นพ.สมศักดิ์ กล่าวว่า มาตรการช่วยเหลือคนไทยในต่างแดนที่ได้รับมอบหมายจากนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรมว.สาธารณสุข คือ การจัดเตรียมทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านฉุกเฉิน/โรคติดเชื้อ และโรคปอด จาก รพ.และสถาบันสังกัดกรมการแพทย์ ซึ่งปัจจุบันมีอยู่ 10 ทีม การประสานการช่วยเหลือผ่านสถานกงสุลและสถานทูต มีการจัดระบบให้คำปรึกษาผ่านออนไลน์และกรุ๊ปไลน์ รวมทั้งเตรียมการในระบบการแพทย์ทางไกล (telemedicine) ด้วย
อธิบดีกรมการแพทย์ ได้ให้คำแนะนำในการปฏิบัติตัวเมื่อต้องอยู่ในประเทศที่มีการแพร่ระบาดสูงว่า ต้องติดตามสถานการณ์ในประเทศนั้นอย่างใกล้ชิด หากไม่มีความจำเป็นไม่ควรเดินทางออกนอกที่พัก แต่ถ้าจำเป็นต้องออกนอกที่พักต้องไม่ลืมที่จะป้องกันตัวเองอย่างเคร่งครัด โดยเฉพาะการสวมหน้ากากอนามัยตลอดเวลาที่ออกนอกบ้าน พกเจลแอลกอฮอล์ และการเว้นระยะห่าง โดยเมื่อกลับมาถึงบ้านแล้วควรจะอาบน้ำชำระร่างกายให้สะอาดเป็นอันดับแรก ซึ่งจะช่วยให้ปลอดภัยและห่างไกลจากโควิดได้
ส่วนความกังวลกรณีคนไทยกลับจากต่างประเทศที่เดินทางเข้ามาพักใน State Quarantine จะมีโอกาสเข้ามาแพร่เชื้อให้คนในประเทศนั้น นพ.สมศักดิ์ กล่าวว่า กรณีคนไทยที่กลับจากประเทศเมื่อเดินทางมาถึงไทยจะต้องถูกแยกตัวไปเข้าพักใน State Quarantine อย่างน้อย 14 วัน ซึ่งหากตรวจไม่พบเชื้อก็จะสามารถกลับบ้านได้ แต่กรณีที่ตรวจพบเชื้อจะต้องเริ่มนับ 1 ใหม่ให้ครบ 14 วัน และหลังจากที่รักษาตัวหายแล้วเมื่อกลับบ้านไปจะต้องกักตัวที่บ้าน (Home Quarantine) ต่ออีกอย่างน้อย 14 วัน
พร้อมย้ำว่า กรณีผู้ป่วยแม้ตรวจไม่พบเชื้อแล้ว แต่ยังมีอาการอยู่ แพทย์จะให้รักษาตัวต่อใน รพ.จนกว่าจะไม่มีอาการถึงให้กลับบ้านได้ ดังนั้นขอให้ทุกฝ่ายสบายใจได้ว่าข้อมูลจนถึงปัจจุบันในประเทศไทยยังไม่มีรายงานผู้ป่วยติดเชื้อซ้ำ หลังจากที่หายดีและเดินทางกลับบ้านแล้ว ที่ตรวจเจอเป็นเพียงอาการของไข้หวัด หรือไข้หวัดใหญ่เท่านั้น แต่หากมีอาการคล้ายโควิด-19 แพทย์จะขอให้แยกออกมากักตัวที่ รพ.เพื่อสังเกตและติดตามอาการอย่างใกล้ชิดต่อไป