ศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 (ศบค.) รายงานสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ในประเทศวันนี้ว่า พบผู้ป่วยยืนยันติดเชื้อรายใหม่ 1 ราย โดยเป็นผู้ที่เดินทางมาจากประเทศอินเดีย ผ่านการคัดกรองและเข้าพัก State Quarantine ในกรุงเทพมหานคร
โดยผู้ป่วยยืนยันติดเชื้อรายใหม่เป็นชายสัญชาติอินเดีย อายุ 35 ปี เดินทางมาถึงไทยเมื่อวันที่ 8 ส.ค.63 (เที่ยวบินเดียวกับผู้ป่วยยืนยันก่อนหน้านี้ 22 ราย) เข้าพัก Alternative State Quarantine และเมื่อวันที่ 21 ส.ค.63 ผลตรวจพบเชื้อ ไม่มีอาการ
ขณะที่มีผู้ป่วยยืนยันสะสมล่าสุดอยู่ที่ 3,404 ราย เป็นผู้ป่วยในประเทศ 2,444 ราย และตรวจพบในสถานที่กักกันที่รัฐจัดให้ 467 ราย จากจำนวนยอดคัดกรองทั้งหมด 87,200 ราย มีผู้ป่วยรักษาหายแล้ว 3,237 คน และยังมีผู้ป่วยรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาล 109 คน ขณะที่ไม่มีผู้เสียชีวิตเพิ่มเติม โดยยอดผู้เสียชีวิตสะสมอยู่ที่ 58 ราย
สำหรับสถานการณ์ทั่วโลก ล่าสุดวันนี้พบผู้ป่วยยืนยันเพิ่มขึ้น 272,489 คน ส่งผลให้มีจำนวนผู้ป่วยยืนยันสะสมรวม 24,332,107 คน มีผู้เสียชีวิตเพิ่มขึ้น 6,338 คน ทำให้มีผู้เสียชีวิตสะสมแล้ว 829,665 คน โดยสหรัฐอเมริกายังคงเป็นประเทศที่มีผู้ติดเชื้อและผู้เสียชีวิตมากสุดเป็นอันดับ 1 ของโลก มีผู้ติดเชื้อรวม 6,000,365 คน เสียชีวิตแล้ว 183,653 ราย รองลงมาคือ บราซิล มีผู้ติดเชื้อรวม 3,722,004 คน เสียชีวิตแล้ว 117,756 ราย ตามด้วยอินเดียมีผู้ติดเชื้อรวม 3,307,749 คน เสียชีวิตแล้ว 60,629 ราย ขณะที่ประเทศไทยอยู่อันดับที่ 120
ส่วนการนำคนไทยตกค้างจากต่างประเทศเดินทางกลับมานั้น ในวันที่ 27 ส.ค. มีจำนวน 617 คน แบ่งเป็น จากไต้หวัน 392 คน, จากกาตาร์ 2 คน, จากสหรัฐอเมริกา 220 คน และจากเมียนมา 3 คน ส่วนวันที่ 28 ส.ค. มีจำนวน 452 คน แบ่งเป็น จากญี่ปุ่น 108 คน และจากเกาหลีใต้ 344 คน
ด้านประเด็นที่น่าสนใจในต่างประเทศ รัฐวิกตอเรียของออสเตรเลีย รายงานว่า ในช่วง 24 ชม.ที่ผ่านมา พบผู้เสียชีวิตจากโควิด-19 เพิ่มขึ้น 24 ราย ซึ่งถือเป็นสถิติรายวันสูงที่สุดเป็นอันดับ 2 นับตั้งแต่เกิดการแพร่ระบาด พบผู้ติดเชื้อรายใหม่ 149 ราย เมื่อเทียบกับวันอังคารที่เพิ่มขึ้น 148 ราย ซึ่งลดลงจากระดับสูงสุดที่ 700 ราย เมื่อวันที่ 5 ส.ค. และรัฐวิกตอเรียพบผู้เสียชีวิตรายวันสูงเป็นประวัติการณ์ถึง 25 รายในรอบสัปดาห์ที่ผ่านมา
ทั้งนี้ รัฐบาลวิกตอเรียต้องการขยายภาวะฉุกเฉินออกไปอีก 1 ปี เพื่อต่อสู้กับการแพร่ระบาด ซึ่งทำให้รัฐบาลสามารถยืดเวลาหรือกำหนดมาตรการล็อกดาวน์ได้อีกในช่วงเวลาดังกล่าว อย่างไรก็ตาม ความเคลื่อนไหวนี้ได้ถูกวิพากษ์วิจารณ์รวมถึงคณะรัฐมนตรีของรัฐบาลกลาง โดยเห็นว่าการขยายระยะเวลาฉุกเฉินดังกล่าวไม่เป็นประชาธิปไตย