นายนพดล กรรณิกา ผู้อำนวยการสำนักวิจัยซูเปอร์โพล (SUPER POLL) นำเสนอผลสำรวจภาคสนาม เรื่อง "ประชาชนหนุนใคร" โดยเมื่อสำรวจการรับรู้ของประชาชนที่มีผลต่อความน่าเชื่อถือของนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ พบว่า เมื่อปีที่แล้ว นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ บอกศาลรัฐธรรมนูญว่า ไม่ทราบ จำไม่ได้ เรื่องโอนหุ้น 90.6% มีผลต่อความน่าเชื่อถือของนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ในขณะ 9.4% ไม่มีผล นอกจากนี้ เมื่อปีนี้ช่วงวิกฤตโควิด-19 กลุ่มนายธนาธรฯ ระดมเงินบริจาคแจกประชาชน แต่ไม่ได้แจกเงินทุนที่ได้มาให้หมดแก่ประชาชน 90.3% มีผลต่อความน่าเชื่อถือของนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ในขณะที่ 9.7% ไม่มีผล
ส่วนผลประมวลการรับรู้ของประชาชนที่มีผลต่อความน่าเชื่อถือของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา พบว่า เมื่อประชาชนไม่รู้ว่า พล.อ.ประยุทธ์ฯ ทำให้มีกองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา ช่วยเหลือเด็กนักเรียน เยาวชนที่ยากจนพิเศษได้ทุนเรียนฟรี พ่อแม่ผู้ปกครองได้รับพัฒนาทักษะมีงานทำ กำลังขยายถึงปริญญาตรี 69.7% มีผล ในขณะที่ 30.3% ไม่มีผล นอกจากนี้ เมื่อไม่รู้ว่ารัฐบาลทำให้ประชาชนปลูกไม้มีค่าขายได้ คนอยู่กับป่าได้ตามที่กฎหมายกำหนด และในเมืองมีระบบขนส่งรถไฟฟ้า ความเจริญด้านเทคโนโลยี เกิดขึ้นหลายแห่ง 68.9% มีผล ในขณะที่ 31.1% ไม่มีผล
ที่น่าพิจารณาคือ เมื่อไม่รู้ว่าโครงการชิมช้อปใช้ ช่วยส่งเสริมการท่องเที่ยว กระตุ้นเศรษฐกิจ 69.4% มีผลต่อความน่าเชื่อถือของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ในขณะที่ 30.6% ไม่มีผล นอกจากนี้ เมื่อประชาชนไม่รู้ว่าบัตรสวัสดิการแห่งรัฐใช้ซื้อสินค้าจำเป็นได้ ซื้ออุปกรณ์การเรียนได้ ซื้อวัสดุการเกษตรได้ ซื้อตั๋วรถโดยสาร ตั๋วรถไฟได้ 69.8% มีผลต่อความน่าเชื่อถือของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ในขณะที่ 30.2% ไม่มีผลที่
เมื่อถามว่าคนที่ทำให้ประชาชนได้ประโยชน์ที่จับต้องได้ ประชาชนได้ประโยชน์มากกว่ากันระหว่าง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา กับนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ พบว่า ส่วนใหญ่หรือ 76.6% ระบุ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ในขณะที่ 17.1% ระบุ นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ และ 6.3% ระบุอื่น ๆ
เมื่อถามว่า คนที่ได้รับการสนับสนุนให้เป็นนายกรัฐมนตรีมากกว่ากันระหว่าง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา กับนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ พบว่า ส่วนใหญ่หรือ 70.8% สนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ในขณะที่ 19.2% สนับสนุนนาย ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ และ 10.0% ระบุอื่น ๆ
อนึ่ง ผลสำรวจดังกล่าวมาจากกรณีศึกษาประชาชนทุกสาขาอาชีพทั่วประเทศ โดยดำเนินโครงการทั้งการวิจัยเชิงปริมาณ (Quantitative Research) และการวิจัยเชิงคุณภาพ (Qualitative Research) จำนวน 1,645 ตัวอย่าง ดำเนินโครงการระหว่างวันที่ 25 - 29 สิงหาคม 2563