กระทรวงสาธารณสุข แถลงว่าพบผู้ต้องขังชายติดเชื้อโควิด-19 เป็นการตรวจพบเชื้อขณะที่กักตัวในขั้นตอนแรกรับก่อนส่งเข้าเรือนจำกลางบางเขน ซึ่งนักโทษรายดังกล่าวมีอาการป่วยเล็กน้อยจากการมีเสมหะตั้งแต่วันที่ 29 ส.ค.และมารายงานการตรวจพบเชื้อในวันที่ 2 ก.ย. โดยไม่มีประวัติการเดินทางออกไปยังต่างประเทศในช่วงก่อนหน้านี้ ซึ่งเป็นการพบผู้ติดเชื้อในประเทศอีกครั้งหลังจะที่ไม่พบมาอย่างต่อเนื่องมากกว่า 100 วัน
ขณะที่พบว่ามีผู้สัมผัสใกล้ชิดที่มีความเสี่ยงสูงว่าจะติดเชื้อ 5 รายเป็นบุคคลในครอบครัว ซึ่งทีมสอบสวนโรคได้ลงพื้นที่เพื่อเก็บตัวอย่างไปตรวจหาเชื้อ พร้อมกันนั้นยังได้ติดตามไปตรวจสอบที่ทำงานของผู้ต้องขังรายดังกล่าวที่มีอาชีพเป็นดีเจในผับแห่งหนึ่งในย่านพระราม 3 และร้านในถนนข้าวสาร โดยสั่งให้ปิดร้านดังกล่าว 3 วันเพื่อทำความสะอาดและฆ่าเชื้อ รวมทั้งตรวจผู้ที่มีโอกาสสัมผัสกับผู้ติดเชื้อด้วย
พญ.วลัยรัตน์ ไชยฟู ผู้อำนวยการกองระบาดวิทยา กรมควบคุมโรค กล่าวว่า ทีมสอบสวนโรคอยู่ระหว่างการซักประวัติผู้ต้องขังที่ติดเชื้อโควิด-19 ย้อนหลังไป 14 วัน ซึ่งส่วนแรก พบว่าพักอาศัยอยู่กับครอบครัวในคอนโดฯ บ้านสวนธน ย่านพุทธบูชา ซึ่งมีผู้สัมผัสเสี่ยงสูง 5 คนที่ต้องแยกกักกันเพื่อรอดูอาการต่อไป อย่างไรก็ดี ในครอบครัวนี้มียังมีอีก 2 คนที่อยู่ต่างจังหวัด ซึ่งทีมสอบสวนโรคจะได้ติดต่อประสานเพื่อให้มาตรวจหาเชื้อต่อไป
ส่วนที่สอง ผู้ป่วยรายนี้มีอาชีพเป็นดีเจ ทำงานอยู่ที่ร้าน 3 วัน 2 คืน สาขาพระราม 3 และพระราม 5 รวมถึงร้านเฟิร์สคาเฟ่ ย่านข้าวสาร แต่การเป็นดีเจ จึงไม่ได้มีการสัมผัสใกล้ชิดกับลูกค้าที่เข้ามาที่ร้าน จึงไม่ถือว่ามีผู้สัมผัสเสี่ยงสูง แต่อย่างไรก็ดี หากลูกค้าที่เข้าไปใช้บริการที่ร้านดังกล่าวเกิดความไม่มั่นใจ สามารถไปขอรับการตรวจหาเชื้อได้
ส่วนที่สาม ผู้ป่วยรายนี้ได้เดินทางไปขึ้นศาลอีก 20 คน ทำให้มีผู้สัมผัสเสี่ยงสูงในวันดังกล่าว ประกอบด้วย ทนาย, เจ้าหน้าที่เรือนจำ, นักโทษที่มาร่วมฟังคำตัดสินในคดีอื่น และนักโทษที่เดินทางร่วมในรถคุมตัวผู้ต้องขังคันเดียวกัน
ส่วนที่สี่ เรือนจำได้มีการกักกันผู้ต้องขังแรกรับอีก 34 คนพร้อมกับนักโทษที่ติดเชื้อ โดยได้ตรวจหาเชื้อทั้งหมดแล้ว ไม่พบว่ามีการติดเชื้อแต่อย่างใด รวมถึงอาสาสมัครนักโทษ 2 คน และเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์อีก 2 คน
ด้านนายวีระกิตติ์ หาญปริพรรณ์ รองอธิบดีกรมราชทัณฑ์ กล่าวว่า เป็นการตรวจพบเชื้อโควิดในผู้ต้องขังแรกรับของเรือนจำกลางบางเขนนี้ เป็นไปตามข้อกำหนดที่ว่าผู้ต้องขังรายใหม่ต้องถูกแยกกัน 14 วัน ในกรณีมีการออกไปขึ้นศาล หรือออกไปรักษาตัวที่ รพ.ภายนอก ก็ต้องถูกเข้าสู่การกักตัว 14 วันเช่นกัน
ผู้ต้องขังรายนี้แม้จะพบว่าติดเชื้อโควิด แต่ขอยืนยันว่าไม่มีผลกระทบต่อการแพร่เชื้อไปยังผู้ต้องขังหรือนักโทษรายอื่นในเรือนจำ เพราะได้มีการแบ่งแยกพื้นที่ผู้ต้องขังชัดเจนในรายที่เข้ามาใหม่ อีกทั้งผู้ต้องขังรายนี้ไม่ได้เดินทางไปต่างประเทศอยู่ในประเทศไทยตลอด
"ผู้ต้องขังไม่มีอาการเจ็บป่วย เป็นไข้ชัดเจน มีแค่เสมหะ ตอนนี้ได้ย้ายผู้ป่วยที่เป็นผู้ต้องขังรายนี้ไปดูอาการ ที่ รพ.ราชทัณฑ์ ห้องแยกเดี่ยว และได้ย้ายผู้ต้องขังที่อยู่ในห้องเดียวกันกับผู้ป่วยรายนี้อีก 34 คน ไปยัง รพ.ราชทัณฑ์ เพื่อแยกเป็นผู้ต้องขังที่ดูแลเป็นพิเศษ รอผลตรวจยืนยันซ้ำอีกครั้ง จนกว่าจะครบการดูแลตามช่วงเวลาของโรค" รองอธิบดีกรมราชทัณฑ์ระบุ
อย่างไรก็ดี กรณีผู้ต้องขังติดเชื้อไวรัสโควิด-19 นี้ ถือเป็นผู้ต้องขังรายที่ 2 ที่ติดเชื้อ ซึ่งรายแรกเป็นผู้ต้องขังในเรือนจำราชบุรี
ด้าน นพ.สุวรรณชัย วัฒนายิ่งเจริญชัย อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า กรณีนี้ยังไม่สามารถเรียกได้ว่าเป็นการระบาดระลอกสอง เนื่องจากในนิยามของการเกิดโรคระลอกสอง มี 2 ลักษณะด้วยกัน คือ 1. พบผู้ป่วยติดเชื้อในประเทศ ซึ่งเป็นสถานการณ์ที่เกิดอยู่ในขณะนี้ และ 2.มีการระบาดเกิดขึ้น
แต่ปัจจุบัน เราพบเพียงผู้ติดเชื้อ ส่วนการจะระบาดหรือไม่นั้น กำลังอยู่ในระหว่างการสอบสวนโรค เพื่อตีกรอบผู้ติดเชื้อไม่ให้มีการแพร่กระจายออกไปในวงกว้าง ซึ่งหากทุกฝ่ายในสังคมช่วยกันปฏิบัติตามมาตรการป้องกันและควบคุมโรค ก็เชื่อว่าประเทศไทยจะไม่เข้าไปสู่การระบาดระลอกสอง จึงย้ำขออย่าให้การ์ดตก