ศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 (ศบค.) รายงานสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ในประเทศวันนี้ว่า พบผู้ป่วยยืนยันติดเชื้อรายใหม่ 7 ราย เป็นผู้ที่เดินทางมาจากต่างประเทศ และเข้าพักใน State Quarantine โดยเดินทางมาจากอินโดนีเซีย 1 ราย สหรัฐอเมริกา 1 ราย รัสเซีย 2 ราย อินเดีย 2 ราย และบังคลาเทศ 1 ราย ส่งผลให้มีผู้ป่วยยืนยันสะสมล่าสุดอยู่ที่ 3,438 ราย
สำหรับวันนี้มีผู้ป่วยรักษาหาย 2 ราย ส่งผลให้มีจำนวนผู้ป่วยรักษาหายแล้วอยู่ที่ 3,279 ราย และยังมีผู้ป่วยรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาล 101 ราย ขณะที่ไม่มีผู้เสียชีวิตเพิ่ม ทำให้ยอดผู้เสียชีวิตสะสมยังคงเดิมที่ 58 ราย
รายละเอียดของผู้ป่วยรายใหม่ ประกอบด้วย ผู้ที่เดินทางมาจากอินโดนีเซีย 1 ราย เป็นชาย สัญชาติบราซิล อายุ 40 ปี เดินทางมาถึงไทยเมื่อวันที่ 20 ส.ค.(เที่ยวบินเดียวกันกับผู้ป่วยยืนยันก่อนหน้า 1 ราย) เข้าพักใน Alternative State Quarantine (ASQ) ในกรุงเทพฯ และตรวจหาเชื้อครั้งที่ 2 ในวันที่ 2 ก.ย. ผลตรวจพบเชื้อ ไม่มีอาการ , ผู้ที่เดินทางมาจากสหรัฐอเมริกา 1 ราย เป็นนักเรียนหญิง สัญชาติอเมริกัน อายุ 16 ปี เดินทางมาถึงไทยเมื่อวันที่ 27 ส.ค. เข้าพักใน ASQ ในกรุงเทพฯ และตรวจหาเชื้อในวันที่ 3 ก.ย. ผลตรวจพบเชื้อ ไม่มีอาการ
ผู้ที่เดินทางมาจากรัสเซีย 2 ราย เป็นนักเรียนชาย สัญชาติรัสเซีย อายุ 18 ปี และหญิงสัญชาติรัสเซีย อายุ 45 ปี เดินทางมาถึงไทยเมื่อวันที่ 31 ส.ค. เข้าพักใน ASQ ในกรุงเทพฯ และตรวจหาเชื้อครั้งที่ 1 เมื่อวันที่ 3 ก.ย. ผลตรวจพบเชื้อ ทั้งหมดไม่มีอาการ , ผู้ที่เดินทางมาจากอินเดีย 2 ราย เป็นชาย สัญชาติอินเดีย อายุ 43 ปี เดินทางมาถึงไทยเมื่อวันที่ 31 ส.ค. และนักเรียนหญิง สัญชาติอินเดีย อายุ 14 ปี เดินทางมาถึงไทยเมื่อวันที่ 1 ก.ย. ทั้งหมดเข้าพักใน ASQ ในกรุงเทพฯ และตรวจหาเชื้อครั้งที่ 1 ในวันที่ 1 ก.ย. ผลตรวจพบเชื้อ ทั้งหมดไม่มีอาการ
ผู้ที่เดินทางมาจากบังคลาเทศ 1 ราย เป็นชาย สัญชาติบังคลาเทศ อายุ 24 ปี อาชีพนักงานบริษัท เดินทางมาถึงไทยเมื่อวันที่ 2 ก.ย. เข้าพักใน ASQ ในกรุงเทพฯ และตรวจหาเชื้อครั้งที่ 1 ในวันที่ 3 ก.ย. ผลตรวจพบเชื้อ ทั้งหมดไม่มีอาการ
สถานการณ์โควิด-19 ทั่วโลก ล่าสุดพบผู้ป่วยติดเชื้อรวม 26,784,017 ราย มีผู้เสียชีวิตรวม 878,765 ราย โดย 5 อันดับแรกที่มีจำนวนผู้ป่วยสะสมสูงสุด ได้แก่ สหรัฐอเมริกา ,บราซิล ,อินเดีย , รัสเซีย และเปรู ขณะที่ไทยอยู่ในอันดับที่ 121
สำหรับเที่ยวบินนำคนไทยที่ตกค้างกลับไทย ในวันนี้ (5 ก.ย.) มีเที่ยวบินจากสหรัฐอเมริกา (ผ่านกาตาร์) มีคนไทยตกค้าง 63 คน เดินมาถึงสนามบินสุวรรณภูมิ เวลา 7.30 น. ,เที่ยวบินจากซาอุดีอาระเบีย (ผ่านสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์) มีคนไทยตกค้าง 209 คน เดินทางมาถึงสนามบินสุวรรณภูมิ เวลา 11.30 น. และเที่ยวบินจากสหรัฐอเมริกา (ผ่านเกาหลีใต้) มีคนไทยตกค้าง 76 คน เดินทางถึงสนามบินสุวรรณภูมิ เวลา 21.45 น.
ส่วนการใช้งานแพลตฟอร์ม "ไทยชนะ" ล่าสุดจนถึงวันที่ 4 ก.ย. มีผู้ใช้งานรวม 43,883,494 คน แบ่งเป็น การลงทะเบียนผ่านแพลตฟอร์มไทยชนะ 42,930,072 คน และผ่านแอปพลิเคชั่นไทยชนะ 953,422 คน ทั้งนี้ มีร้านค้า/กิจการลงทะเบียนแล้ว 287,478 แห่ง ส่วนใหญ่ประชาชนมีการเช็คอินผ่านแพลตฟอร์ม 93.9% และอีก 6.1% เป็นการเช็คอินผ่านแอปพลิเคชั่น
นายแพทย์โสภณ เอี่ยมศิริถาวร ผู้อำนวยการกองโรคติดต่อทั่วไป กรมควบคุมโรค กล่าวว่า ในวันนี้ กระทรวงสาธารณสุข โดยสถาบันป้องกันควบคุมโรคเขตเมืองและกองระบาดวิทยา กรมควบคุมโรค ร่วมกับสำนักงานเขตทุ่งครุและสำนักอนามัยกรุงเทพมหานคร ได้ลงพื้นที่ทำการคัดกรองเชิงรุกในแหล่งที่พักของผู้ติดเชื้อในประเทศรายล่าสุดที่คอนโดบ้านสวนธน แขวงบางมด เขตทุ่งครุ มีประชาชนมารับบริการจำนวน 137 รายจะทราบผลตรวจภายในคืนนี้
ส่วนผู้สัมผัสเสี่ยงสูงที่เป็นสมาชิกในครอบครัว 5 ราย และผู้ใกล้ชิดอีก 7 รายนั้น ผลตรวจเป็นลบทั้งหมด ด้านผู้สัมผัสที่เป็นพนักงานร้าน 3 วัน 2 คืน สาขาพระราม 3 และ พระราม 5 จำนวน 25 คน ผลตรวจไม่พบสารพันธุกรรมโควิด-19 และบ่ายวันนี้จะมีการลงพื้นที่ตรวจคัดกรองที่ถนนข้าวสารเพิ่มเติม
ทั้งนี้ ผู้ที่ได้ลงทะเบียน "ไทยชนะ" ที่ร้านอาหาร 3 วัน 2 คืน สาขาพระราม 3 จะได้รับข้อความแจ้งเตือนผ่านโทรศัพท์มือถือ เนื่องจากมีโอกาสเสี่ยงใกล้ชิดกับผู้ติดเชื้อโควิด-19 ขอให้สังเกตอาการทางเดินหายใจ เช่น ไอ น้ำมูก เจ็บคอ มีไข้ ภายในระยะเวลา 14 วัน นับจากวันสุดท้ายที่ไปร้านอาหารแห่งนี้ หากมีอาการป่วยให้รีบไปพบแพทย์ที่โรงพยาบาลของรัฐใกล้บ้าน เพื่อขอรับการตรวจวินิจฉัยและรักษาทันที และระหว่างนี้ให้สวมหน้ากาก ล้างมือ เว้นระยะห่าง แยกของใช้จากผู้อื่น
นายแพทย์โสภณ กล่าวอีกว่า จากผลสำรวจพฤติกรรมการปฏิบัติตามมาตรการ อยู่บ้าน หยุดเชื้อ เพื่อชาติ เพื่อลดการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ระหว่างวันที่ 14-27 ส.ค.63 พบว่า พฤติกรรมป้องกันตนเองของประชาชนลดลงอย่างชัดเจนในทุกพฤติกรรม โดยในภาพรวมลดลงจาก 75.6% เป็น 73.6% ทั้งการสวมหน้ากาก ล้างมือ การระวังไม่เอามือจับหน้า จมูก ปาก การระวังไม่อยู่ใกล้ผู้อื่น
ดังนั้น ยังคงขอเน้นย้ำความร่วมมือของประชาชน โดยเฉพาะในวันหยุดยาวนี้ให้เที่ยวอย่างปลอดภัย เข้มมาตรการป้องกันตนเองต่อไป ทำให้เป็นนิสัย โดยเฉพาะการสวมหน้ากากผ้า/หน้ากากอนามัยทุกครั้งที่ออกจาก บ้าน เว้นระยะห่าง ล้างมือบ่อย ๆ กรณีที่ไม่สามารถเว้นระยะห่างได้ ให้หลีกเลี่ยงการพูดคุยและหลีกเลี่ยงการไปอยู่ในสถานที่แออัดคนรวมกันจำนวนมาก ไม่นำตัวเองไปสัมผัสกับความเสี่ยง และลงทะเบียนด้วยแอปพลิเคชั่น"ไทยชนะ" ทุกครั้ง เพราะเมื่อพบผู้ติดเชื้อจะสามารถใช้ข้อมูลติดตามผู้สัมผัส เพื่อเฝ้าระวัง ตรวจวินิจฉัย และป้องกันควบคุมโรคต่อไป
นอกจากนี้ขอความร่วมมือผู้ประกอบการโดยเฉพาะร้านอาหาร ผับ บาร์ แม่ค้า ให้ปฏิบัติตามมาตรการที่รัฐกำหนดไว้อย่างเคร่งครัด โดยเฉพาะการสวมหน้ากากผ้า/หน้ากากอนามัย เพื่อป้องกันและช่วยกันรักษาสถานการณ์ให้อยู่ในระดับต่ำต่อไป