กลุ่มนักเรียนมัธยมศึกษาจำนวนหนึ่ง ในนามกลุ่มที่ใช้ชื่อว่า "นักเรียนเลว" ได้เดินทางมารวมตัวกันที่บริเวณหน้ากระทรวงศึกษาธิการ ในเวลาประมาณ 15.00 น. วันนี้ตามที่เคยนัดหมายเพื่อร่วมดีเบตกับนายณัฏฐพล ทีปสุวรรณ รมว.ศึกษาธิการ โดยนักเรียนกลุ่มดังกล่าวและแนวร่วมองค์กรนักเรียนจาก 50 โรงเรียนทั่วประเทศ ได้ประกาศข้อเรียกร้อง 3 ข้อ และ 1 เงื่อนไข โดย 3 ข้อเรียกร้อง ได้แก่ การหยุดคุกคามนักเรียน โรงเรียนต้องปลอดภัย ,ยกเลิกกฎระเบียบล้าหลัง ลิดรอนสิทธินักเรียน และปฏิรูปการศึกษา ให้เท่ากับอารยประเทศ ขณะที่ 1 เงื่อนไข คือ หากรัฐมนตรีทำไม่ได้ให้ลาออกไป
สำหรับบรรยากาศหน้ากระทรวงศึกษาธิการ มีการวางพวงหรีดจำนวนหนึ่งเรียงรายบริเวณริมกำแพง ขณะที่นักเรียนมัธยมศึกษาที่ร่วมเดินทางมาร่วมชุมนุมมีทั้งกลุ่มนักเรียนมัธยมต้น และมัธยมปลาย โดยนักเรียนต่างผูกโบว์สีขาวและมีนกหวีดเป็นสัญลักษณ์ พร้อมกับมีการจัดกรรมต่าง ๆ บนเวที รวมถึงมีการกล่าวโจมตีถึงการทำงานของรมว.ศึกษาธิการประกอบกันไปด้วย โดยการชุมนุมในวันนี้ได้มีนักการเมืองบางรายเข้าร่วมสังเกตการณ์ ทั้งนายมงคลกิตติ์ สุขสินธารานนท์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรคไทยศรีวิไลย์ นางสาวพรรณิการ์ วานิช แกนนำคณะก้าวหน้า เป็นต้น
"ข้อเรียกร้องของกลุ่มนักเรียนสอดคล้องกับข้อเรียกร้องของประชาชนปลดแอก โดยเฉพาะในเรื่องการหยุดคุกคาม ในช่วง 1 เดือนที่ผ่านมาได้เดินทางไปกว่า 20 จังหวัดเจอนักเรียน นักศึกษา มาปรับทุกข์กับเราว่าถูกคุกคาม ครูปล่อยให้ตำรวจทหารเข้าไปในโรงเรียน ไปถ่ายรูป จดชื่อ ตามไปถึงบ้าน เรื่องต่าง ๆ เหล่านี้ถ้ารัฐมนตรีไม่สามารถให้คำมั่นสัญญากับนักเรียนว่าต้องยุติลงเร็วที่สุด ก็ไม่ควรจะเป็นรัฐมนตรี จริง ๆ คิดว่าไม่ใช่แค่โรงเรียนที่ต้องเป็นสถานที่ปลอดภัย ทุก ๆ ที่ในประเทศไทยจะต้องเป็นสถานที่ปลอดภัยสำหรับผู้ที่แสดงออกในเรื่องสิทธิเสรีภาพ"นางสาวพรรณิการ์ กล่าวกับผู้สื่อข่าว
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า นายณัฏฐพล ทีปสุวรรณ รมว.ศึกษาธิการ ได้เปิดแถลงข่าวเมื่อช่วงเช้าว่า การดีเบต หรือโต้วาที เป็นการแสดงความคิดเห็นแตกต่างกัน แต่ในกรณีนี้ขอยืนยันว่ากระทรวงศึกษาธิการ ไม่ได้เห็นต่างกับข้อเรียกร้องในการปฏิรูปการศึกษา เพียงแต่บางเรื่องต้องใช้เวลา และยินดีที่จะพูดคุยรับฟัง เพื่อให้ทุกฝ่ายมีความพร้อมในการปรับตัว ให้การศึกษาไทยเดินหน้าต่อไปอย่างเข้มแข็ง
ขณะที่ข้อเรียกร้องของกลุ่มนักเรียนที่ได้เสนอปัญหาต่าง ๆ เข้ามาก่อนหน้านี้ ก็ได้มีการวางแนวทางดำเนินการแก้ไขอยู่แล้ว ซึ่งเมื่อมีการเรียกร้องมา ก็ได้ย้ำให้หน่วยงานต่าง ๆ ดำเนินการอย่างรวดเร็วและเข้มข้นขึ้น
ทั้งนี้ รมว.ศึกษาธิการ ได้สรุปถึงข้อเรียกร้องจากนักเรียน ประกอบด้วย 1. เรื่องทรงผมนักเรียน 2.เรื่องการแต่งกาย 3.เรื่องหลักสูตรที่ไม่ทันสมัย ทันโลก 4.เรื่องการเปิดช่องทางแสดงความคิดเห็น 5.เรื่องภาระของครูที่มีมากเกินไป 6.เรื่องการยกเลิกการสอบ O-Net 7.เรื่องการคุกคามทางเพศในโรงเรียน 8.เรื่องความหลากหลายทางเพศในโรงเรียน 9.เรื่องการเพิ่มการเรียนภาษาอังกฤษ-ภาษาที่สาม และ 10.เรื่องความเหลื่อมล้ำทางการศึกษา
เมื่อเวลาประมาณ 17.20 น. นายณัฏฐพล ได้เดินทางมาร่วมดีเบต กับนายลภนพัฒน์ หวังไพสิฐ นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 และเลขาธิการกลุ่มการศึกษาเพื่อความเป็นไท บนเวทีการชุมนุม ใน 3 หัวข้อที่กลุ่มนักเรียนเรียกร้อง ได้แก่ การหยุดคุกคามนักเรียน โรงเรียนต้องปลอดภัย ,ยกเลิกกฎระเบียบล้าหลัง ลิดรอนสิทธินักเรียน และปฏิรูปการศึกษา ให้เท่ากับอารยประเทศ
นายลภนพัฒน์ เรียกร้องให้กระทรวงศึกษาธิการ มีความจริงใจในการหยุดคุกคามนักเรียน เพื่อให้โรงเรียนเป็นสถานที่ปลอดภัย โดยเห็นว่าการคุกคามนักเรียนไม่ใช่แค่เรื่องการแสดงออกเชิงสัญลักษณ์ทางการเมือง แต่ยังรวมถึงการลงโทษนักเรียนโดยไม่สมเหตุสมผล ซึ่งกระทรวงควรส่งหน่วยงานเข้าไปประเมินแต่ละโรงเรียนว่ายังมีการคุกคามนักเรียนหรือไม่ แทนที่จะให้นักเรียนส่งข้อร้องเรียนเข้าไป ขณะที่การยังคงกฎระเบียบที่ล้าหลัง ก็ไม่ต่างกับการคุกคามนักเรียนเพราะเป็นการลิดรอนสิทธิ เช่น การกำหนดทรงผม นักเรียน หรือการแต่งกายชุดนักเรียน เห็นว่าไม่ได้เป็นการส่งเสริมให้มีระเบียบวินัยเพิ่มขึ้น ส่วนการระบบการศึกษาในปัจจุบันก็ไม่ได้ตอบสองนักเรียนได้ทั้งหมด
ด้านนายณัฏฐพล กล่าวว่า ขณะนี้กระทรวงศึกษาธิการได้เปิดช่องทางเพื่อให้นักเรียน สามารถส่งข้อมูลและข้อร้องเรียนต่าง ๆ เข้ามา เพื่อรับฟังข้อมูลและนำมาแก้ปัญหา อย่างไรก็ตามก็ยอมรับว่าบางเรื่องที่มีกฎระเบียบจากกระทรวงออกไป แต่หลายโรงเรียนไม่ได้ปฏิบัติตามอาจเป็นเพราะกระทรวงไม่ได้เข้มงวดมากพอ แต่สิ่งหนึ่งที่สามารถระบุได้ขณะนี้ คือ ปัญหาเรื่องละเมิดทางเพศ ยาเสพติด การทำร้ายร่างกายในโรงเรียน เป็นเรื่องที่จะให้เกิดขึ้นในโรงเรียนไม่ได้
ขณะที่กฎระเบียบต่าง ๆ บางส่วนก็เป็นเรื่องที่แต่ละโรงเรียนมีการบริหารจัดการเอง ซี่งหากจะดูแลภาพรวมทั้งระบบก็คงต้องใช้เวลาในการบริหารจัดการ ซึ่งกระทรวงพร้อมที่จะรับฟังปัญหาและพร้อมที่จะแก้ไขต่อไป โดยเฉพาะกฎระเบียบที่ถูกตราไว้เป็นเวลา 2-5 ปีขึ้นไป ถ้าเห็นว่าไม่มีประสิทธิภาพ ก็ให้ทีมงานติดตาม และปรับปรุงใหม่ให้เหมาะสมกับปัจจุบัน ซึ่งกลุ่มนักเรียนสามารถเข้ามามีส่วนร่วมได้ในขั้นตอนการทำประชาพิจารณ์ ส่วนการกำหนดทรงผมนักเรียน ได้มีการออกประกาศที่ชัดเจนแล้ว โดยนักเรียนชายสามารถไว้ผมรองทรงได้ ส่วนกลุ่มที่มีความหลากหลายทางเพศ ณ วันนี้ยังไม่ได้มีกฎระเบียบที่ชัดเจนออกมาซึ่งต้องหารือกันต่อไป ส่วนการแต่งกายชุดนักเรียน โดยส่วนตัวแล้วเห็นว่ายังมีความเหมาะสม เพราะจะช่วยทำให้มีความปลอดภัย และลดความเหลื่อมล้ำ
"วันนี้เราเห็นตรงกันเรื่องการปฏิรูปการศึกษา เรื่องนี้ต้องมาเป็นลำดับต้น ๆ ถ้าวันนี้เรามองว่าระบบการศึกษาไม่ได้ตอบสนองนักเรียน 100% ก็ต้องร่วมมือกันเพื่อช่วยแก้ปัญหาให้ระบบการศึกษาตอบสนองนักเรียน...วันนี้เราเปิดเวทีหลาย ๆ รูปแบบในการรับฟังความเห็น ไม่มีความจำเป็นต้องมานั่งสร้างความกดดันแบบนี้ เพราะบางสิ่งบางอย่างที่เราทำมีผลกระทบในภาพใหญ่ ผมผ่านกระบวนการนี้มาแล้ว ผมทราบดี วันนี้ ประเทศไทยเปราะบางที่สุดในเรื่องการลงทุนต่างประเทศ ถ้าหากเราเป็นคนไทยที่ตั้งใจทำให้ประเทศไทยมีศักยภาพ วันนี้อดีตที่ผ่านมาเอามาพูดได้ แต่ถ้าเราเรียนรู้จากอดีต อดีตที่ผ่านมาไม่ได้ทำให้ไทยประสบความสำเร็จ วันนี้เป็นโอกาสในเวทีการศึกษา ผมรับฟังจากทุกคน และผมมีหน้าที่ปฏิบัติ วันนี้ที่ท่านพูดถ้าผมไม่ปฏิบัติ ก็ไม่เกิดอะไร ผมพร้อมรับฟังและคิดว่าปฏิบัติได้หลาย ๆ อย่างที่เราพูดถึงวันนี้ วันที่ผมคิดว่าไม่สามารถทำคุณประโยชน์ให้กับประเทศ ให้กับวงการศึกษาได้ ผมจะพิจารณาตัวเอง แต่วันนี้ก็ยังทำหน้าที่ปฏิบัติตรงนี้อยู่ การพูดคุยด้วยสันติวิธีสำหรับประเทศไทยน่าจะเป็นทางออกที่ดีที่สุด"นายณัฏฐพล กล่าว