นพ.ธเรศ กรัษนัยรวิวงค์ อธิบดีกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กล่าวถึงกรณีที่คณะรัฐมนตรี (ครม.) ได้อนุมัติหลักการ นักท่องเที่ยวต่างชาติประเภทพิเศษ (Special Tourist Visa :STV) โดยคุณสมบัติเป็นการให้มาพำนักในประเทศไทยได้ในระยะยาว (Long Stay) นั้น เบื้องต้นกำหนดให้เป็นนักท่องเที่ยวที่มีศักยภาพ และ/หรือนักธุรกิจ ซึ่งขณะนี้ทางกระทรวงสาธารณสุข อยู่ระหว่างประสานกับทางกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ในการจัดทำรายละเอียด ระบบ ข้อกำหนดของกลุ่มเป้าหมาย สถานที่ในการรองรับ เป็นต้น เพื่อขับเคลื่อนโครงการ
พร้อมยืนยันว่า การเดินทางเข้ามาของนักท่องเที่ยว STV ดังกล่าวจะต้องปฎิบัติตามมาตรการเดียวกับกรณีของผู้ที่เดินทางมาจากต่างประเทศอื่น ๆ เช่น การตรวจก่อนเดินทางเข้าประเทศ ผ่านการคัดกรอง/แยกกักกันตัวที่สนามบิน และอยู่ในกระบวนการกักตัว 14 วัน
นพ.ธเรศ กล่าวว่า ขณะนี้ประเทศไทยสามารถควบคุมโรคได้ดี และเป็นประเทศลำดับที่ 1 ในการดูแลการระบาดโควิด-19
"ขณะนี้เราสามารถกำกับระบบให้เกิดความมั่นใจ ซึ่งรัฐบาลได้เห็นชอบโปรแกรม Medical Program ในเรื่องการรักษาพยายาล ทั้งเรื่องมนุษธรรมและรายได้ของประเทศที่จะเข้ามา ขณะนี้ได้ดำเนินการไปแล้ว และขณะนี้เรากำลังขยับไปที่ Wellness Quarantine (WQ) ซึ่งมีการคาดการณ์ว่าทั้ง Medical Program Wellness Quarantine และ การท่องเที่ยวหลัง Quarantine ครบ 14 วันจะทำให้เกิดรายได้ทั้งสิ้น 605.24 ล้านบาท"
นอกจากนี้ ยังอยู่ระหว่างการจัดทำระบบให้ ผู้ที่ติดตามหรือญาติ/ผู้ป่วยที่อาการไม่หนักมาก มีการช็อปปิ้งออนไลน์กับโอท็อป ร้านค้า หรือเรียนคอร์สสั้น เพื่อเป็นการสร้างรายได้เพิ่ม รวมทั้งกำลังดูเรื่องของโครงการ อาทิ สปา การส่งเสริมสุขภาพอีกโปรแกรม ทำให้เกิดรายได้
"การผ่อนคลายการเดินทางเข้ามาในบางกลุ่ม จะเกิดประโยชน์กับประเทศ และประชาชน ยืนยันว่าภาครัฐ กระทรวงสาธารณสุข ได้เตรียมความพร้อม ไม่ต้องตื่นนตระหนก การผ่อนคลายจะยึดความปลอดภัยเป็นหลัก...เราไม่ต้องอยู่กับตัวเลขที่ดีมาก แต่ขอให้ขับเคลื่อนเศรษฐกิจ และเมื่อมีภาวะอะไร เราพร้อมรับด้วยระบบ ค้นหารวดเร็ว และมีระบบอสม."
ด้านนพ.จักรรัฐ พิทยาวงศ์อานนท์ ผู้อำนวยการ กองยุทธศาสตร์และแผนงาน กรมควบคุมโรค กล่าวถึงประเด็นมาตรการป้องกันโรค ในการนำนักท่องเที่ยว STV เข้ามาว่า เบื้องต้นในส่วนนักท่องเที่ยวระยะยาว มีการกำหนดโควตาจำนวนผู้เดินทาง รวมถึงกำหนดประเทศ โดยพิจารณาจากประเทศที่มีความเสี่ยงต่ำก่อนเพื่อสร้างความมั่นใจให้กับคนไทยว่ายังมีความปลอดภัยได้ในระดับหนึ่ง
สำหรับนักท่องเที่ยว/นักธุรกิจที่จะเดินทางเข้ามาจะต้องเข้าใจมาตรการที่กระทรวงสาธารณสขกำหนด ขณะที่สถานประกอบการต่างๆ จะต้องผ่านการอบรมให้สามารถปฎิบัติตามข้อกำหนดได้ ตามคำสั่งศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 (ศบค.) ได้ โดยที่จะมี process ต่อไป รวมไปถึงผู้ติดตาม ซึ่งทางกระทรวงท่องเที่ยวและกีฬา กระทรวงการต่างประเทศ กำลัง workout อยู่ในการจะให้มีระบบทำให้กำกับ ติดตาม และปฎิบัติตามมาตรการได้
อย่างไรก็ตาม หากมีการเพิ่มจำนวนนักท่องเที่ยว/นักธุรกิจ จะต้องมีการเพิ่มโรงพยาบาล โรงแรม ที่เป็น Alternative State Quarantine (ASQ) และ Alternative Local State Quarantine (ALSQ) รวมทั้งการเพิ่มเครื่องมือ อุปกรณ์ให้ตามช่องทางเข้าออกประเทศ เพื่อความปลอดภัยและอำนวยความสะดวกให้กับเจ้าหน้าที่ ส่วนสถานพยาบาล ต้องมีการเตรียมความพร้อมระบบเฝ้าระวังมากขึ้น คัดกรอง ตรวจเพิ่มเติมได้ ซึ่งกำลังเริ่มดำเนินการไปพร้อมๆ กัน