พล.อ.สพรั่ง กัลยาณมิตร ผู้ช่วยผู้บัญชาการทหารบก(ผู้ช่วย ผบ.ทบ.) และผู้ช่วยเลขาธิการคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ(คมช.)
กล่าวว่า ผลการลงประชามติวันที่ 19 ส.ค.ในร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่อาจมีส่วนสัมพันธ์กับการกำหนดตัวบุคคลที่จะมาดำรงตำแหน่งผู้บัญชาการทหารบก(ผบ.ทบ.)ได้ เนื่องจากจะเห็นงแนวโน้มการเมืองในอนาคตว่าจะไปในทิศทางใด
"ถ้า(ผลประชามติ)ออกมาในทางบวก ก็มีแนวโน้มว่าการเมืองจะมีอีกลักษณะหนึ่งที่ไม่ต้องเผชิญหน้ามาก ก็อาจ soft ลงหน่อย(ผบ.ทบ.) แต่ถ้าไม่ผ่าน สงสัยบ้านเมืองจะวุ่นวาย ก็เอาอย่างนี้ดีไหม" พล.อ.สพรั่ง กล่าวถึงผลการลงประชามติที่อาจมีส่วนกำหนดบุคลิกของ ผบ.ทบ.คนใหม่ ในสภาพการเมืองที่แตกต่างกันไป
พล.อ.สพรั่ง กล่าวว่า ร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่จะผ่านหรือไม่ผ่านประชามติถือเป็นเรื่องปกติในระบอบประชาธิปไตย เพียงแต่สถานการณ์ปัจจุบันมีบุคคลบางกลุ่มพยายามจุดประเด็นและเบี่ยงเบนว่าถ้าทำให้ร่างรัฐธรรมนูญใหม่ไม่ผ่านประชามติได้จะถือว่าล้มเผด็จการได้สำเร็จ
"การผ่านหรือไม่ผ่านประชามติ เป็นเรื่องปกติของระบอบประชาธิปไตย แต่บังเอิญพวกขี้แพ้ชวนตีกลับเอามาเป็นเงื่อนไขว่าถ้าไม่ผ่านแล้วจะทำให้ล้มเผด็จการ นี่คือการจุดประเด็นที่เรียกว่ากวนน้ำให้ขุ่นตลอดเวลา"พล.อ.สพรั่ง กล่าวในรายการวิทยุเช้านี้
ผู้ช่วย ผบ.ทบ.กล่าวว่า การจะมองว่ารัฐบาลและทุกหน่วยงานทุ่มเทประชาสัมพันธ์อย่างเต็มที่หรือไม่เพื่อรณรงค์ให้ประชาชนไปลงประชามติร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่นั้น ต้องพิจารณาเปรียบเทียบกับสถานการณ์ในขณะนั้นด้วยว่ามีความเหมาะสมหรือไม่ เพราะความทุ่มเทในการประชาสัมพันธ์ไม่ใช่หมายถึงการทุ่มงบประมาณจำนวนมาก แต่ต้องทำอย่างเข้าถึงและตรงจุดเพื่อให้การประชาสัมพันธ์ได้ผลและช่วยกระตุ้นให้ประชาชนไปลงประชามติมากที่สุด
"ความแข็งขันของการประชาสัมพันธ์ ไม่ใช่มาบอกว่าลงทุนใช้งบไปตั้งร้อยล้าน มันไม่ใช่ คุณตำน้ำพริกละลายแม่น้ำหรือเปล่า คุณต้องรู้ว่าจะประชาสัมพันธ์แบบไหน จะจูงใจคนแบบไหน ต้องทุ่มเทแบบนี้ ถ้าทุ่มเทแล้วประชาชนไม่รับแปลว่าสิ่งที่เราให้นั้นไม่พอ แม้จะเป็นยาที่ถูกโรค แต่เชื้อโรคอาจปรับตัวเองสร้างภูมิคุ้มกันตัวเอง หรือดื้อยาฆ่าไม่ตาย" พล.อ.สพรั่งกล่าว
--อินโฟเควสท์ โดย กษมาพร กิตติสัมพันธ์/ศศิธร โทร.0-2253-5050 ต่อ 345 อีเมล์: sasithorn@infoquest.co.th--