ศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 (ศบค.) รายงานสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ในประเทศวันนี้ว่า พบผู้ป่วยยืนยันติดเชื้อรายใหม่เพิ่มเติมอีก 3 ราย โดยเดินทางมาจากประเทศลักเซมเบิร์ก ตุรกี และ แอลเมเนีย
สำหรับจำนวนผู้ป่วยยืนยันสะสมล่าสุดอยู่ที่ 3,522 ราย เป็นผู้ป่วยที่ติดเชื้อภายในประเทศ 2,445 ราย และผู้ป่วยที่ตรวจพบในสถานกักกันที่รัฐจัดให้ 584 ราย และวันนี้มีผู้ป่วยรักษาหายแล้ว 2 ราย รวมเป็น 3,362 ราย ยังมีผู้ป่วยรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาล 101 ราย ขณะที่ไม่มีผู้เสียชีวิตเพิ่มเติม โดยยอดผู้เสียชีวิตสะสมอยู่ที่ 59 ราย
ส่วนผู้ติดเชื้อรายใหม่วันนี้ เป็นผู้ที่เดินทางมาจากลักเซมเบิร์ก 1 ราย เป็นชาย อายุ 49 ปี สัญชาติเยอรมัน อาชีพลูกเรือเครื่องบินขนส่งสินค้า เดินทางถึงประเทศไทยวันที่ 20 กันยายน 2563 เข้ากักตัวในสถานที่รัฐกำหนด (Alternative State Quarantine) ที่จังหวัดสมุทรปราการ ตรวจหาเชื้อครั้งแรกวันที่ 24 กันยายน 2563 (วันที่ 4 ของการกักตัว) ผลพบเชื้อ ไม่มีอาการ ผลการตรวจทางห้องปฏิบัติการออกภายหลังผู้กักตัวเดินทางออกจากประเทศไทยวันที่ 24 กันยายน 2563
ตุรกี 1 ราย เป็นชาย อายุ 51 ปี สัญชาติตุรกี อาชีพลูกเรือ เดินทางถึงประเทศไทยวันที่ 21 กันยายน 2563 เข้ากักตัวในสถานที่รัฐกำหนด (Alternative State Quarantine) ที่จังหวัดสมุทรปราการ ตรวจหาเชื้อครั้งแรกวันที่ 24 กันยายน 2563 (วันที่ 3 ของการกักตัว) ผลพบเชื้อ โดยผลการตรวจทางห้องปฏิบัติการออกภายหลังผู้กักตัวเดินทางออกจากประเทศไทยวันที่ 24 กันยายน 2563
ทั้งนี้ ผู้เดินทางจาก ลักเซมเบิร์ก และตุรกี เป็นลูกเรือเที่ยวบินขนส่งสินค้า ซึ่งขณะถูกกักตัวไม่มีการออกนอกสถานที่ที่รัฐกำหนด และไม่ได้เดินทางไปสถานที่อื่นก่อนขึ้นเครื่องบินกลับไปประเทศต้นทาง
และแอลเบเนีย 1 ราย เป็นชาย อายุ 51 ปี สัญชาติแอลเบเนีย อาชีพครู เดินทางถึงประเทศไทยวันที่ 21 กันยายน 2563 เข้ากักตัวในสถานที่รัฐกำหนด (Alternative State Quarantine) ที่กรุงเทพมหานคร พบเชื้อจากการตรวจครั้งแรก 24 กันยายน 2563 (วันที่ 3 ของการกักตัว) ไม่มีอาการ เข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลเอกชนในกรุงเทพมหานคร โดยค่ารักษาพยาบาลคิดจากประกันโควิดที่ทำไว้ก่อนการเดินทางเข้าประเทศ
นายแพทย์โสภณ เอี่ยมศิริถาวร ผู้อำนวยการกองโรคติดต่อทั่วไป กรมควบคุมโรค กล่าวว่า สถานการณ์ผู้ติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ทั่วโลกรายขณะนี้ยังคงมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้น มีผู้ติดเชื้อรายใหม่เพิ่มขึ้นต่อวันประมาณ 300,000 ราย และยังพบหลายประเทศเกิดการระบาดในระลอกที่ 2 ซึ่งสาเหตุหลักของการแพร่ระบาดมาจากการรวมกลุ่มคนจำนวนมาก และพฤติกรรมเสี่ยง สะท้อนให้เห็นว่าสถานการณ์การแพร่ระบาดที่ดูเหมือนว่าดีขึ้นไม่พบรายงานผู้ติดเชื้อ หากคนในประเทศประมาท มีการรวมกลุ่มชุมนุมคนจำนวนมาก ปาร์ตี้สังสรรค์ หรือละเลยสุขลักษณะส่วนบุคคล ละเลยการป้องกันตนเอง อาจทำให้เกิดการแพร่ระบาดของโรคโควิด 19 ในประเทศได้อีก เนื่องจากอาจมีผู้ติดเชื้อที่ไม่แสดงอาการปะปนอยู่ในชุมชน สังคม และนำเชื้อไปแพร่ให้กับผู้อื่นได้
กระทรวงสาธารณสุขมีความห่วงใยสุขภาพของคนในประเทศทุกคน ขอให้นำกรณีที่เกิดขึ้นจากต่างประเทศมาเป็นบทเรียน อย่าประมาท การป้องกันตนเองจากโควิด 19 ตามมาตรการที่ได้แนะนำไว้ สำคัญที่สุดคือการสวมหน้ากากอนามัย/หน้ากากผ้าตลอดเวลาที่อยู่ในที่สาธารณะ เลี่ยงการรวมกลุ่มขนาดใหญ่ สถานที่แออัด ล้างมือบ่อยๆ เว้นระยะห่างระหว่างผู้อื่นเท่าที่ทำได้ และลงทะเบียนเข้าออกสถานที่ที่ใช้บริการผ่าน "ไทยชนะ" ทุกครั้ง หากป่วยขอให้อยู่บ้านและรักษาตัวให้หายป้องกันการนำเชื้อแพร่สู่ผู้อื่น เพื่อความปลอดภัยของตนเอง คนในครอบครัว ชุมชน สังคม รวมถึงลดความเสี่ยงที่จะทำให้เกิดการแพร่ระบาดในประเทศระลอกที่ 2