ศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 (ศบค.) เผยสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ในประเทศวันนี้ว่า พบผู้ป่วยยืนยันติดเชื้อรายใหม่เพิ่ม 15 ราย เป็นผู้ที่เดินทางมาจากประเทศและเข้าสถานกักกัน (Quarantine Facilities) ประกอบด้วย ซูดานใต้ 6 ราย, เมียนมา 1 ราย, อินเดีย 2 ราย, เขตปกครองพิเศษฮ่องกง 1 ราย, สหรัฐอเมริกา 3 ราย บังกลาเทศ 2 ราย
รายที่ 1-6 เดินทางมาจากซูดานใต้ เมื่อวันที่ 22 ก.ย.63 ทั้งหมดเป็นเพศชาย สัญชาติไทย อายุระหว่าง 27-50 ปี อาชีพรับราชการทหาร (ทหารช่างเฉพาะกิจ) เข้าพักใน State Quarantine จ.ชลบุรี ตรวจครั้งแรก วันที่ 26 ก.ย.63 (Day 4) ผลไม่พบเชื้อ ตรวจครั้งที่ 2 วันที่ 4 ต.ค.63 ผลพบเชื้อ ทั้งหมดรักษาตัวอยู่ที่ รพ.พระมงกุฎเกล้า
รายที่ 7 เดินทางมาจากเมียนมา เมื่อวันที่ 22 ก.ย.63 เป็นเพศชาย สัญชาติไทย อายุ 54 ปี อาชีพธุรกิจส่วนตัว เข้าพักใน Local Quarantine ที่ จ.ตาก ตรวจครั้งแรก วันที่ 25 ก.ย.63 (Day 3) ผลไม่พบเชื้อ ตรวจครั้งที่ 2 วันที่ 5 ต.ค.63 (Day 13) ผลพบเชื้อ รักษาอยู่ที่ รพ.สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช
รายที่ 8 เดินทางมาจากอินเดีย เมื่อวันที่ 23 ก.ย.63 เป็นเพศชาย สัญชาติอินเดีย อายุ 39 ปี เข้าพักใน Alternative State Quarantine จ.กรุงเทพฯ ตรวจครั้งแรก วันที่ 26 ก.ย.63 (Day 3) ผลไม่พบเชื้อ ตรวจครั้งที่ 2 วันที่ 5 ต.ค.63 (Day 12) ผลพบเชื้อ
รายที่ 9 เดินทางมาจากอินเดีย เมื่อวันที่ 30 ก.ย.63 เป็นเพศชาย สัญชาติอินเดีย อายุ 41 ปี อาชีพธุรกิจส่วนตัว เข้าพักใน Alternative State Quarantine จ.กรุงเทพฯ ตรวจครั้งแรก วันที่ 4 ต.ค.63 (Day 4) ผลพบเชื้อ รักษาอยู่ที่ รพ.เอกชน ในกรุงเทพฯ
รายที่ 10 เดินทางมาจากฮ่องกง เมื่อวันที่ 23 ก.ย.63 เป็นเพศชาย สัญชาติไทย อายุ 36 ปี ประวัติมีอาการไข้เมื่อวันที่ 2 ส.ค.63 เข้าพักใน State Quarantine จ.กรุงเทพฯ ตรวจครั้งแรก วันที่ 26 ก.ย. (Day 3) ผลไม่พบเชื้อ ตรวจครั้งที่ 2 วันที่ 4 ต.ค.63 (Day 11) ผลพบเชื้อ รักษาอยู่ที่ รพ.ราชวิถี
รายที่ 11 เดินทางมาจากสหรัฐอเมริกา เมื่อวันที่ 29 ก.ย.63 เป็นเพศชาย สัญชาติอเมริกัน อายุ 21 ปี เข้าพักใน Alternative State Quarantine จ.กรุงเทพฯ ตรวจครั้งแรก 29 ก.ย.63 (Day 0) ผลไม่ชัดเจน ตรวจครั้งที่ 2 วันที่ 5 ต.ค.63 ผลพบเชื้อ รักษาตัวที่ รพ.เอกชน ในกทม.
รายที่ 12 เดินทางมาจากสหรัฐอเมริกา เมื่อวันที่ 30 ก.ย.63 เป็นเพศชาย สัญชาติอเมริกัน อายุ 40 ปี เข้าพักใน Alternative State Quarantine จ.กรุงเทพฯ ผลตรวจครั้งแรก 1 ต.ค.63 (Day 1) ผลไม่พบเชื้อ ตรวจครั้งที่ 2 วันที่ 5 ต.ค.63 (Day 5) ผลพบเชื้อ รักษาตัวที่ รพ.เอกชน ในกทม.
รายที่ 13 เดินทางมาจากสหรัฐอเมริกา เมื่อวันที่ 1 ต.ค.63 เป็นเพศชาย สัญชาติไทย อายุ 31 ปี เข้าพักใน State Quarantine จ.กรุงเทพฯ ตรวจครั้งแรก 5 ต.ค.63 (Day 4) ผลพบเชื้อ รักษาตัวที่ รพ.ตำรวจ
รายที่ 14 เดินทางมาจากบังกลาเทศ เมื่อวันที่ 30 ก.ย.63 เป็นเพศชาย สัญชาติบังกลาเทศ อายุ 53 ปี อาชีพแพทย์ เข้าพักใน Alternative State Quarantine จ.กรุงเทพฯ ตรวจครั้งแรก 30 ก.ย.63 ผลไม่พบเชื้อ ตรวจครั้งที่ 2 วันที่ 5 ต.ค.63 ผลพบเชื้อ รักษาตัวที่ รพ.เอกชน จ.นนทบุรี
รายที่ 15 เดินทางมาจากบังกลาเทศ เมื่อวันที่ 30 ก.ย.63 เป็นเพศชาย สัญชาติบังกลาเทศ อายุ 26 ปี เป็นนักศึกษา เข้าพักที่ Organization Quarantine จ.ปทุมธานี ตรวจครั้งแรก วันที่ 5 ต.ค.63 (Day 5) ผลพบเชื้อ รักษาตัวที่ รพ.ธรรมศาสตร์เฉลิมพระเกียรติ จ.ปทุมธานี
สำหรับจำนวนผู้ป่วยยืนยันสะสมล่าสุดอยู่ที่ 3,615 ราย เป็นผู้ป่วยที่ติดเชื้อภายในประเทศ 2,445 ราย และผู้ป่วยที่ตรวจพบในสถานกักกันที่รัฐจัดให้ 677 ราย ส่วนผู้ป่วยรักษาหายแล้วรวมเป็น 3,391 ราย ยังมีผู้ป่วยรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาล 165 ราย ขณะที่ไม่มีผู้เสียชีวิตเพิ่มเติม โดยยอดผู้เสียชีวิตสะสมอยู่ที่ 59 ราย
ขณะที่สถานการณ์โรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) ทั่วโลก ล่าสุดวันนี้มียอดผู้ติดเชื้อรวม 36,041,783 ราย เสียชีวิตรวม 1,054,604 ราย โดยประเทศที่มีรายงานผู้ติดเชื้อสูงสุดอันดับหนึ่งของโลก คือ สหรัฐอเมริกา มีผู้ติดเชื้อ 7,722,746 ราย เสียชีวิต 215,822 ราย อันดับสอง อินเดีย มีผู้ติดเชื้อ 6,754,179 ราย เสียชีวิต 104,591 ราย อันดับสาม บราซิล เสียชีวิต 4,970,953 ราย เสียชีวิต 147,571 ราย อันดับสี่ รัสเซีย มีผู้ติดเชื้อ 1,237,504 ราย เสียชีวิต 21,663 ราย และอันดับห้า โคลอมเบีย มีผู้ติดเชื้อ 869,808 ราย เสียชีวิต 27,017 ราย ขณะที่ประเทศไทย อยู่อันดับที่ 140
ด้านสถานการณ์ที่น่าสนใจในต่างประเทศ หัวหน้าคณะแพทย์ประจำตัวผู้ดำรงตำแหน่งประธานาธิบดี ยอมรับว่าผู้นำสหรัฐ "ยังไม่ถือว่าหายดี" และคณะแพทย์จะทำการรักษาต่อเนื่องไปอีกประมาณ 1 สัปดาห์ โดยที่ทำเนียบขาวมีรายงานว่า มีการปรับแผนการปฏิบัติหน้าที่ครั้งใหญ่ โดยเจ้าหน้าที่ซึ่งปฏิบัติงานน้อยอยู่แล้วตั้งแต่ช่วงสหรัฐฯ เผชิญกับวิกฤติโควิด-19 โดยลดจำนวนเจ้าหน้าที่ปฏิบัติงานที่ทำเนียบขาวลงอีก และเน้นการทำงานจากที่บ้านมากขึ้น
ขณะเดียวกัน ทำเนียบขาวยังสั่งชุดป้องกันส่วนบุคคล (PPE) ถุงมือยาง แว่นตาป้องกัน หน้ากากอนามัยแบบ N95 เพื่อสำรองให้เพียงพอกับบุคลากรการแพทย์ หน่วยรักษาความปลอดภัย และเจ้าหน้าที่ซึ่งดูแลที่พักอาศัยของผู้นำสหรัฐ เนื่องจากบุคคลเหล่านี้ต้องทำงานในระยะประชิดกับผู้นำสหรัฐฯ