ผู้ป่วยใหม่รายแรก มาจากประเทศเนปาล เพศหญิง สัญชาติเนปาล อายุ 23 ปี เป็นนักศึกษา เดินทางมาถึงไทยวันที่ 24 ก.ย.63 เข้าพักใน Organization Quarantine จ.ปทุมธานี ตรวจหาเชื้อครั้งแรก 28 ก.ย.63 (Day 4) ผลตรวจไม่พบเชื้อ ตรวจครั้งที่สอง 7 ต.ค.63 (Day 13) ผลตรวจพบเชื้อ ไม่มีอาการ รักษาตัวที่ รพ.ธรรมศาสตร์เฉลิมพระเกียรติ
รายที่ 2 มาจากนอร์เวย์ เพศชาย สัญชาติลิทัวเนีย อายุ 29 ปี เข้าพักใน Alternative State Quarantine (ASQ) จ.กรุงเทพฯ ตรวจหาเชื้อครั้งแรก 6 ต.ค.63 (Day 3) ผลตรวจพบเชื้อ ไม่มีอาการ รักษาตัวที่ รพ.เอกชน
รายที่ 3 มาจากสหรัฐอเมริกา เพศหญิง สัญชาติไทย อายุ 21 ปี เป็นนักศึกษา (มีประวัติใกล้ชิดผู้ป่วยโควิด-19 ก.ย.63) เดินทางมาถึงไทยเมื่อวันที่ 3 ต.ค.63 เข้าพักใน State Quarantine ที่กรุงเทพฯ ตรวจครั้งแรก 7 ต.ค.63 (Day 4) ผลตรวจพบเชื้อไม่มีอาการ รักษาตัวที่ รพ.เลิดสิน
รายที่ 4 มาจากสหรัฐอเมริกา เพศชาย สัญชาติไทย อายุ 23 ปี เดินทางมาถึงไทยเมื่อวันที่ 3 ต.ค.63 มีอาการเจ็บคอ มีประวัติใกล้ชิดผู้ป่วยโควิด-19) เข้าพักใน State Quarantine ที่กรุงเทพฯ ตรวจครั้งแรก 7 ต.ค.63 (Day 4) ผลตรวจพบเชื้อ รักษาตัวที่ รพ.เลิดสิน
รายที่ 5 เดินทางมาจากเมียนมา เพศชาย สัญชาติไทย อายุ 43 ปี อาชีพพนักงานบริษัท เข้าพักใน Local Quarantine จ.ตาก ตรวจครั้งแรก 5 ต.ค.63 (Day 0) ผลพบเชื้อ ไม่มีอาการ รักษาตัวที่ รพ.แม่สอด
รายที่ 6 เดินทางมาจากเมียนมา เพศหญิง สัญชาติไทย อายุ 47 ปี อาชีพพนักงานบริษัท เข้าพักใน Local Quarantine จ.ตาก ตรวจครั้งแรก 5 ต.ค.63 (Day 0) ผลพบเชื้อ ไม่มีอาการ รักษาตัวที่ รพ.แม่สอด
สำหรับจำนวนผู้ป่วยยืนยันสะสมล่าสุดอยู่ที่ 3,628 ราย เป็นผู้ป่วยที่ติดเชื้อภายในประเทศ 2,445 ราย และผู้ป่วยที่ตรวจพบในสถานกักกันที่รัฐจัดให้ 690 ราย ส่วนผู้ป่วยรักษาหายแล้วเพิ่มขึ้น 2 ราย รวมเป็น 3,441 ราย ยังมีผู้ป่วยรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาล 128 ราย ขณะที่ไม่มีผู้เสียชีวิตเพิ่มเติม โดยยอดผู้เสียชีวิตสะสมอยู่ที่ 59 ราย
ขณะที่สถานการณ์โรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ทั่วโลก มียอดผู้ติดเชื้อสะสมรวม 36,745,774 ราย เสียชีวิต 1,066,838 ราย ประเทศที่มีผู้ติดเชื้อมากสุดอันดับแรกของโลก คือ สหรัฐอเมริกา จำนวน 7,833,763 ราย อันดับสอง อินเดีย จำนวน 6,903,812 ราย อันดับสาม บราซิล จำนวน 5,029,539 ราย อันดับสี่ รัสเซีย จำนวน 1,260,112 ราย และอันดับห้า โคลอมเบีย จำนวน 886,179 ราย ขณะที่ประเทศไทย อยู่อันดับที่ 139 มีผู้ติดเชื้อ 3,628 ราย
สำหรับสถานการณ์ที่น่าสนใจในต่างประเทศ นายกรัฐมนตรีอิตาลี แถลงว่าการสวมหน้ากากอนามัยหรือหน้ากากผ้าเมื่ออยู่ในพื้นที่สาธารณะทั่วอิตาลี เป็นสิ่งที่ต้องปฏิบัติ บุคคลที่ฝ่าฝืนอาจต้องชำระค่าปรับสูงสุดครั้งละ 1,000 ยูโร (ราว 36,750 บาท) มาตรการดังกล่าวจะมีผลบังคับใช้ถึงวันที่ 31 ม.ค.64 เป็นอย่างน้อย
ขณะที่ฝรั่งเศส มีรายงานยอดผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ในรอบ 24 ชม.ที่ผ่านมาเพิ่มขึ้นถึง 18,746 คน ซึ่งถือว่าเป็นสถิติรายวันสูงสุดนับตั้งแต่พบผู้ป่วยคนแรกในฝรั่งเศสเมื่อวันที่ 24 ม.ค.ที่ผ่านมา โดยประธานาธิบดีฝรั่งเศส ยังปฏิเสธการกลับมาบังคับใช้มาตรการล็อกดาวน์ทั้งประเทศเป็นรอบที่ 2 แต่ยอมรับว่าตอนนี้รัฐบาลอาจจำเป็นต้องเพิ่มมาตรกรบางอย่าง เพื่อตัดวงจรการแพร่ระบาดไม่ให้เร็วไปมากกว่านี้
ด้านเมียนมา ยืนยันผู้ติดเชื้อรายใหม่ในรอบ 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา 1,400 คน เพิ่มสถิติสะสมผู้ป่วยเป็น 21,433 คน โดยสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ในเมียนมา ทวีความรุนแรงต่อเนื่อง นับตั้งแต่มีการพบผู้ติดเชื้อจากภายในประเทศ ที่รัฐยะไข่ เมื่อวันที่ 16 ส.ค. ที่ผ่านมา