พล.ต.ต.ปิยะ ต๊ะวิชัย รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล (รอง ผบช.น.) แถลงในนามกองอำนวยการร่วมแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรง (กอร.ฉ.) กล่าวว่า การนัดชุมนุมทางการเมืองในวันนี้ยังไม่มีความชัดเจนว่าเป็นพื้นที่ใด แต่เจ้าหน้าที่ตำรวจได้เตรียมความพร้อมไว้แล้ว โดย บช.น.เตรียมกำลัง 12 กองร้อย จำนวน 1,860 นาย ภายใต้การบังคับบัญชา พล.ต.ต.สหรัฐ ศักดิ์ศิลปชัย รอง ผบช.น.เน้นการปฏิบัติเป็นชุดเคลื่อนที่เร็วเข้ารักษาความสงบเรียบร้อยในบริเวณชุมนุมและป้องกันมือที่สามก่อความไม่สงบ
หน่วยเคลื่อนที่เร็วดังกล่าวยังจะเตรียมพร้อมรับมือการชุมนุมที่กลุ่มผู้ชุมนุมได้ประกาศจะยกระดับและมีเซอร์ไพร์สหาก 3 ข้อเรียกร้องหลัก และข้อเรียกร้องอื่น ๆ เพิ่มเติมไม่ได้รับการตอบสนองภายใน 24 ชั่วโมง คาดว่าจะเป็นการเพิ่มจุดชุมนุมดาวกระจายไปยังสถานที่ต่าง ๆ เพิ่มขึ้น โดยยืนยันเจ้าหน้าที่ตำรวจยังพร้อมควบคุมตัวผู้ที่กระทำความผิดเพิ่มเติม ซึ่งขณะนี้มีหมายจับในมือมากกว่า 10 หมายจับ
ส่วนการชุมนุมในภาพรวมเมื่อวานนี้ (19 ต.ค.) ผลการปฏิบัติไม่มีเหตุการณ์รุนแรงเกิดขึ้นแต่อย่างใด การควบคุมสถานการณ์เป็นไปด้วยความเรียบร้อย โดยมีการชุมนุม 5 จุดใหญ่ ได้แก่ แยกมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ (บางเขน) , บริเวณหน้าเรือนจำพิเศษกรุงเทพ, บริเวณมหาวิทยาลัยศิลปากร (วังท่าพระ), บริเวณถนนตัดใหม่สาธุประดิษฐ์ และ บริเวณศูนย์การค้าเซ็นทรัลพลาชา พระราม 2
ขณะที่เจ้าหน้าที่ได้ดำเนินการทางกฎหมายด้วยการเข้าจับกุมผู้กระทำความผิดอีก 2 ราย คือ นายปฏิวัติ สาหร่ายแย้ม หรือ หมอลำแบงก์ ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองขอนแก่น จับกุมที่บ้านพักใน อ.เมือง จ.ขอนแก่น ตามหมายจับศาลอาญาที่ 1589 ลงวันที่ 15 ต.ค.63 ของ สน.ชนะสงคราม ในความผิดฐานยุยงปลุกปั่นตามกฎหมายมาตรา 116 และรายที่สองคือ นายขวัญ จีนา จากกรณีที่มีเหตุชุลมุนป้อมตำรวจ สน.บางนา กระทำผิดกฎหมายอาญา มาตรา 215 วรรคแรก
ส่วนกรณี นายประวิทย์ สมรัตน์ ซึ่งเป็นบุคคลที่ปรากฏตามสื่อโชเชียลต่างๆว่า เป็นตำรวจปลอมตัวเข้าไปในกลุ่มผู้ชุมนุม ขอเรียนว่า จ้าหน้ที่ตำรวจได้พิสูจน์ทราบแล้วว่าไม่ใช่ตำรวจ จึงได้ติดตามจับกุมตัวมาดำเนินคดีตามกฎหมาย 1.ข้อหา พ.ร.ก.ฉุกเฉิน 2. ทำให้เสียทรัพย์ มาตรา 358 3.ชุมนุมเกิน 10 คนขึ้นไป มาตรา 215 วรรคแรก