ศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 (ศบค.) รายงานสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ในประเทศวันนี้ว่า พบผู้ป่วยยืนยันติดเชื้อรายใหม่เพิ่ม 4 ราย เป็นผู้ที่เดินทางมาจากต่างประเทศ และเข้าสถานกักกัน (Quarantine Facilities) ประกอบด้วย ญี่ปุ่น 1 ราย สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ 1 ราย และคูเวต 2 ราย
สำหรับผู้ป่วยใหม่ รายแรกเป็นเพศหญิง สัญชาติไทย อายุ 24 ปี เป็นนักศึกษาเดินทางจากประเทศญี่ปุ่นถึงไทยวันที่ 21 ต.ค. เคยมีประวัติมีอาการไข้สูงเมื่อวันที่ 6 ต.ค. เข้าพัก State Quarantine ในกทม.ตรวจหาเชื้อวันที่ 24 ต.ค. (Day 3) ผลตรวจพบเชื้อ มีอาการไอ และมีเสมหะ เข้ารับการรักษาที่สถาบันประสาทวิทยา
รายที่ 2 เป็นเพศหญิง สัญชาติไทย อายุ 40 ปี อาชีพพนักงานนวด/สปา เดินทางจากประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ถึงไทยวันที่ 23 ต.ค. ผ่านการคัดกรอง ณ ด่านควบคุมโรค สุวรรณภูมิ ซึ่งผู้ป่วยเคยมีประวัติมีอาการไข้ ไอ ปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ เมื่อวันที่ 16 ต.ค.เข้าเกณฑ์สอบสวนโรค (PUI) ตรวจหาเชื้อวันที่ 26 ต.ค. (Day 3) ผลตรวจพบเชื้อ มีอาการไอ ปวดศีรษะ เข้ารับการรักษาที่รพ.บางละมุง จ.ชลบุรี
รายที่ 3 เป็นเพศหญิง สัญชาติคูเวต อายุ 67 ปี เป็นแม่บ้าน เดินทางจากคูเวตถึงไทยวันที่ 25 ต.ค. เป็นผู้ป่วยมารักษาด้วยโรคอื่น เข้าพัก Alternative Hospital Quarantine (AHQ) ในกทม. ตรวจหาเชื้อครั้งแรกวันที่ 25 ต.ค. ผลตรวจพบเชื้อแต่ไม่มีอาการ เข้ารับการรักษาที่รพ.เอกชน ในกทม.
ส่วนรายที่ 4 เป็นเพศชาย สัญชาติคูเวต อายุ 19 ปี เป็นผู้ติดตามผู้ป่วย เคยมีประวัติติดเชื้อโควิด-19 โดยมีอาการไม่รับรู้กลิ่น รส เดินทางจากคูเวตถึงไทยวันที่ 24 ต.ค.เข้าพัก Alternative Hospital Quarantine (AHQ) ในจ.นนทบุรี ตรวจหาเชื้อครั้งแรกวันที่ 24 ต.ค. ผลตรวจพบเชื้อแต่ไม่มีอาการ เข้ารับการรักษาที่รพ.เอกชน นนทบุรี
จำนวนผู้ป่วยยืนยันสะสมล่าสุดของไทยอยู่ที่ 3,763 ราย เป็นผู้ป่วยที่ติดเชื้อภายในประเทศ 2,451 ราย และผู้ป่วยที่ตรวจพบในสถานกักกันที่รัฐจัดให้ 815 ราย ส่วนผู้ป่วยรักษาหายแล้วเพิ่มอีก 9 ราย รวมเป็น 3,570 ราย ยังมีผู้ป่วยรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาล 134 ราย ขณะที่ไม่มีผู้เสียชีวิตเพิ่มเติม โดยยอดผู้เสียชีวิตสะสมอยู่ที่ 59 ราย
ขณะที่สถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ทั่วโลก ล่าสุดมียอดผู้ติดเชื้อรวม 44,748,577 ราย เสียชีวิตแล้ว 1,179,057 ราย โดยประเทศที่มีผู้ติดเชื้อสูงสุด 5 อันดับแรก คือ สหรัฐอเมริกา 9,120,751 ราย อันดับสอง อินเดีย 8,038,765 ราย อันดับสาม บราซิล 5,469,755 ราย อันดับสี่ รัสเซีย 1,563,976 ราย และอันดับห้า ฝรั่งเศส 1,235,132 ราย