นายแพทย์สุวรรณชัย วัฒนายิ่งเจริญชัย รักษาราชการแทนอธิบดีกรมอนามัย กล่าวว่า จากมาตรการควบคุมการแพร่ระบาดโรคโควิด-19 ที่ผ่านมาส่งผลให้สถานการณ์โรคโควิด-19 ในประเทศไทยมีแนวโน้มที่ดีขึ้น แต่ประชาชนยังคงต้องป้องกันตนเองและสร้างสุขอนามัยที่ดีอยู่เสมอ รวมถึง 10 ประเภทสถานประกอบกิจการ ได้แก่ 1) ภัตตาคาร ร้านอาหาร 2) โรงแรมและที่พัก 3) สถานที่จัดประชุมนันทนาการและสถานที่ท่องเที่ยว 4) ห้างสรรพสินค้าและศูนย์การค้า 5) กีฬาเพื่อการท่องเที่ยว
6) ร้านค้าของที่ระลึกและร้านค้าอื่นๆ 7) ยานพาหนะ 8) สุขภาพและความงาม 9) การจัดกิจกรรม จัดประชุม โรงละคร โรงมหรสพ และ 10) บริษัทนำเที่ยว ที่ยังคงต้องปฏิบัติตามแนวทางปฏิบัติเพื่อป้องกันการแพร่ระบาดโรคโควิด-19 ระลอก 2 อย่างเคร่งครัด ทั้งในส่วนของผู้ประกอบการ ผู้ให้บริการ และผู้ใช้บริการ ตั้งแต่ให้มีระบบการคัดกรองก่อนเข้ามาใช้บริการสวมหน้ากากผ้าหรือหน้ากากอนามัยตลอดเวลา และจัดให้มีอุปกรณ์ป้องกันตนเองที่จำเป็นสำหรับพนักงาน
รวมทั้งจัดให้มีที่ล้างมือด้วยสบู่และน้ำ หรือเจลแอลกอฮอล์สำหรับทำความสะอาดมือไว้บริการบริเวณต่าง ๆ อย่างเพียงพอ เช่น บริเวณทางเข้าออก หน้าลิฟต์ จุดประชาสัมพันธ์ จุดชำระเงิน และเว้นระยะห่างระหว่างบุคคลอย่างน้อย 1-2 เมตร บริเวณทางเข้าออก บันไดเลื่อน ภายในลิฟต์ เพื่อลดความแออัด
จากการสำรวจอนามัยโพลออนไลน์ระหว่างวันที่ 23 ? 27 ตุลาคม 2563 เรื่องการสวมหน้ากากพบว่า สถานที่ที่ประชาชนสวมหน้ากากมากที่สุดคือ ห้างสรรพสินค้า ร้านค้า ร้อยละ 92 รองลงมาคือ สถานที่แออัด เช่น การจัดประชุม อบรม สัมมนา ตลาดนัด หรือการรวมกลุ่มคนจำนวนมาก ร้อยละ 90 โรงพยาบาล ฟิตเนส ร้อยละ 83 สถานที่ทำงาน ร้อยละ 78 สถานศึกษาร้อยละ 62.44 โรงแรม รีสอร์ท ร้อยละ 60 และที่น่ากังวลคือ สถานบันเทิงและยานพาหนะ มีการสวมเพียงร้อยละ 49
ดังนั้น ไม่เพียงแต่ผู้ประกอบการที่ต้องปฏิบัติตามคำแนะนำของกระทรวงสาธารณสุขอย่างเคร่งครัด ประชาชนที่เข้าไปใช้บริการเองต้องป้องกัน การแพร่กระจายโรคโควิด-19 โดยขอความร่วมมือให้ประชาชนลงทะเบียนผ่านแพลตฟอร์ม "ไทยชนะ" (www.ไทยชนะ.com) ก่อนเข้ารับบริการในสถานที่ต่างๆ เพื่อบันทึกข้อมูลการเข้า-ออกในการช่วยลดความเสี่ยงของการติดเชื้อโควิด-19 ที่สำคัญทุกครั้งที่ออกจากบ้านต้องสวมหน้ากากตลอดเวลา เว้นระยะห่าง และหมั่นล้างมือบ่อย ๆ เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดการระบาดซ้ำของโรคขึ้นได้อีก