สหภาพฯ ทีโอทีออกโรงไล่บอร์ดเพราะขาดวิสัยทัศน์ธุรกิจห่วงแต่ปราบทุจริต

          รักษาการประธานสหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจ บมจ.ทีโอที เรียกร้องบอร์ดทีโอทีพิจารณาตัวเอง เพื่อเปิดโอกาสให้ผู้ที่มีความรู้ความสามารถเข้ามาบริหารงานแทน เพราะที่ผ่านมาไม่ได้ใส่ใจการบริหารองค์กรให้มีประสิทธิภาพ กลับเน้นแต่การปราบปรามการทุจริต จนส่งผลให้องค์กรอ่อนแอและรายได้ลดลง
          "เราไม่ได้ผูกขาดเหมือนรัฐวิสาหกิจอย่างการไฟฟ้าฯ บอร์ดคณะนี้ไม่ได้มีวิสัยทัศน์ในเรื่องการแข่งขันของธุรกิจโทรคมนาคมเลย น่าจะต้องมีการเปลี่ยนแปลงหรือพัฒนา ถ้าเป็นไปได้ก็ต้องพิจารณาตัวเองทั้งคณะ" นายนุกูล บวรศิรินุกุล รักษาการประธานสหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจ บมจ.ทีโอที กล่าวทางรายการวิทยุเช้านี้
          ที่ผ่านมาพนักงานเห็นว่าคณะกรรมการฯตั้งหน้าเรื่องการปราบปรามทุจริตคอรัปชั่นเป็นหลัก ซึ่งก็ยอมรับว่าได้ผล แต่ส่วนใหญ่ไม่มีวิสัยทัศน์ในด้านการทำธุรกิจโทรคมนาคมที่จะแข่งขันกับผู้ประกอบการรายอื่น พนักงานเป็นห่วงว่าทีโอทีเคยมีกำไรส่งรัฐปีละเป็นหมื่นล้านบาท แม้จะเห็นว่าการปราบปรามทุจริตคอรัปชั่นของ พล.อ.สพรั่ง กัลยาณมิตร ประธานคณะกรรมการฯ จะได้ผลเป็นที่น่าพอใจ แต่ไม่น่าจะละเลยเรื่องการให้บริการประชาชน
          "ผมยืนยันว่าท่าน(พล.อ.สพรั่ง)ไม่เหมาะที่จะมาทำงานในธุรกิจโทรคมนาคม เหมาะที่จะเป็นผู้นำด้านทหาร"นายนุกูล กล่าว
          รักษาการประธานสหภาพฯ กล่าวว่า ปัญหาความขัดแย้งของคณะกรรมการฯ น่าจะเป็นเรื่องเอกสารรับรองการประชุมเมื่อวันที่ 17 ส.ค.เกี่ยวกับการปลดนายสมควร บรูมินเหนทร์ ออกจากตำแหน่งกรรมการผู้จัดการใหญ่ ซึ่งมีออกมา 2 ชุดแต่เนื้อหาต่างกัน
          ส่วนกรณีที่มีพนักงานบางส่วนออกใบปลิวขับไล่คณะกรรมการฯ น่าจะเป็นทางการเมืองเพราะเป็นช่วงใกล้การเลือกตั้งกรรมการสหภาพฯ
          ด้านนายพรชัย มีมาก หัวหน้ากลุ่มพลังก้าวหน้าพัฒนา กล่าวว่า สถานการณ์ในบริษัทมีความวุ่นวาย เพราะผู้บริหารมั่วแต่ทะเลาะกัน โดยไม่ได้สนใจว่าองค์กรจะเป็นอย่างไร จะบริหารงานกันอย่างไรที่จะแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้น
          "เรารอฟังด้วยความสงบและดูว่าจะทำอะไรกันต่อไป โดยป้อนปัญหาเข้าไป แต่ไม่มีอะไรคืบหน้า เราเห็นว่ามันเหลืออดแล้ว" นายพรชัย กล่าว
          นายพรชัย กล่าวว่า พล.อ.สพรั่ง ไม่มีความเข้าใจในเรื่องกิจการด้านการสื่อสารและมิติของการอยู่ได้ขององค์กร และไม่เข้าใจบทบาทของตัวเองในการทำงานแต่ละหน้าที่จนส่งผลให้องค์กรกลายเป็นสนามรบไปแล้ว
          "ท่านยังแยกหัวโขนไม่ออก เพราะหัวโขนในระดับประเทศชาติท่านใหญ่มาก แต่พอมาเป็นประธานบอร์ดมันอยู่ภายใต้รัฐมนตรี แต่สิ่งต่างๆที่เกิดขึ้นเป็นการลูบหน้าปะจมูก" นายพรชัย กล่าว