น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) รับทราบผลการสำรวจความคิดเห็นของประชาชนต่อการบริหารงานของรัฐบาลในปี 2563 ครบ 1 ปี โดยสำนักงานสถิติแห่งชาติ ได้สอบถามประชาชนที่มีอายุตั้งแต่ 18 ปีขึ้นไปทั่วประเทศ จำนวน 6,970 คนระหว่างวันที่ 1-15 ส.ค.63 พบว่าประชาชน 78.6% ติดตามข้อมูลข่าวสารของรัฐบาล แหล่งที่ติดตามมากที่สุดคือจากโทรทัศน์ 93.7% รองลงมาคือ อินเตอร์เน็ต เช่น เว็บไซต์ เฟซบุ๊ก ไลน์ 50.1%
ส่วนความพึงพอใจในภาพรวมต่อการดำเนินงานของรัฐบาลนั้น พบว่าประชาชนมีความพึงพอใจอยู่ในระดับมาก-มากที่สุด 33.4% ในระดับปานกลาง 48% โดยนโยบายที่ประชาชนพึงพอใจมาก-มากที่สุด 5 อันดับแรก คือ โครงการบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ รองลงมาคือ การแก้ไขปัญหาโควิด-19, โครงการเงินอุดหนุนเพื่อการเลี้ยงดูเด็กแรกเกิดถึงอายุ 6 ปี, นโยบายเจ็บป่วยฉุกเฉิน วิกฤตมีสิทธิทุกที่ (UCEP) และมาตรการช่วยเหลือเกษตรกรที่ได้รับผลกระทบจากภัยแล้ง
สำหรับเรื่องที่ประชาชนมองว่าเป็นความเดือดร้อนในชุมชนและหมู่บ้าน ได้แก่ คนในชุมชนว่างงานหรือไม่มีอาชีพที่มั่นคง รองลงมาคือ สินค้าอุปโภคบริโภคราคาแพง ค่าครองชีพสูง, สินค้าเกษตรราคาตกต่ำ, ภัยธรรมชาติ และปัญหายาเสพติด
ส่วนเรื่องที่ต้องการให้รัฐบาลช่วยเหลือ เรียงลำดับดังนี้ 1.ปัญหาการว่างงาน 2.ควบคุมราคาสินค้าอุปโภคบริโภคไม่ให้มีราคาแพง 3.ปัญหาราคาสินค้าเกษตรตกต่ำ 4.จัดหาแหล่งน้ำเพื่อการอุปโภคบริโภคและเพื่อการเกษตร 5.จัดสวัสดิการของรัฐให้เพียงพอและครอบคลุมทุกพื้นที่
ขณะที่ความเชื่อมั่นต่อรัฐบาล พบว่า ประชาชนมีความเชื่อมั่นต่อรัฐบาลในการแก้ไขปัญหาต่างๆของประเทศในระดับมาก-มากที่สุด 29.8% เชื่อมั่นปานกลาง 48.7% และเชื่อมั่นน้อย-น้อยที่สุด 18.4% ไม่เชื่อมั่นเลย 3.1%
อย่างไรก็ตาม สำนักงานสถิติแห่งชาติมีข้อเสนอแนะเชิงนโยบายดังนี้ คือ ควรให้ความช่วยเหลือกลุ่มคนตกงานหรือว่างงาน เช่น การจ้างงานชั่วคราว การหาตลาดรองรับสินค้าของชุมชน การจัดอบรมวิชาชีพ และควรให้ความช่วยเหลือประชาชนด้านค่าครองชีพ เช่นการควบคุมราคาสินค้าอุปโภคบริโภค และการลดค่าสาธารณูปโภค รวมถึงการให้ความช่วยเหลือเกษตรกรในการประกอบอาชีพ เช่น แก้ไขปัญหาราคาสินค้าเกษตรตกต่ำ การหาตลาดรองรับทั้งในและต่างประเทศ การพยุงราคาสินค้าเกษตร และการให้ความรู้เกี่ยวกับการทำเกษตรสมัยใหม่