นพ.นคร เปรมศรี ผู้อำนวยการสถาบันวัคซีนแห่งชาติ กล่าวถึงกรณีที่บริษัท ไฟเซอร์ ของสหรัฐ และบริษัท ไบโอเอ็นเทค ของเยอรมนี มีความคืบหน้าในการพัฒนาวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 นั้นทำให้เกิดความหวังและความมั่นใจกับผู้พัฒนาที่จะมีวัคซีนใช้งานในระยะเวลาอันใกล้นี้ จากเดิมที่ยังไม่มีใครรู้ว่าจะมีความเป็นไปได้หรือไม่
"นักวิทยาศาสตร์ไม่ได้ใครคาดหวังว่าวัคซีนล็อตแรกจะมีประสิทธิภาพมากถึง 90% ให้ความหวังอย่างมาก แม้แต่องค์การอนามัยโลกยังคาดหวังไว้แค่ 50% ก็ถือว่าใช้ได้แล้ว" นพ.นคร กล่าว
นพ.นคร กล่าวว่า ปัจจุบันมีการพัฒนาวัคซีนอยู่ราว 30 บริษัท โดยเป็นขั้นตอนทดสอบในคน 11 บริษัท แม้การทดสอบจะมีหลากหลายรูปแบบแต่อยู่บนพื้นฐานเดียวกัน คือ ใช้สไปรท์โปรตีนกระตุ้นภูมิคุ้มกัน และผลทดสอบครั้งนี้เกิดในระยะเร่งด่วนที่มีความปลอดภัยสูง ทำให้ผู้พัฒนาวัคซีนรายอื่นๆ เกิดความมั่นใจมากขึ้น เพราะทดสอบกับอาสาสมัครกว่า 3 หมื่นคน และต้องติดตามว่าวัคซีนดังกล่าวจะเกิดประสิทธิผลได้ยาวนานแค่ไหน หากพบภูมิคุ้มกันตัวไหนที่เป็นตัวกำหนดการป้องกันโรคจะยิ่งทำให้การพัฒนารวดเร็วมากยิ่งขึ้น เพียงพอที่จะใช้งาน
ส่วนการพัฒนาวัคซีนในประเทศไทยนั้นยังเป็นไปตามแผนงาน โดยขณะนี้อยู่ระหว่างทดสอบในสัตว์ และจะมีการทดสอบในคนราวเดือน ม.ค.-ก.พ.64 ซึ่งจะทำให้เกิดความมั่นใจมากขึ้น โดยก่อนที่จะมีผลทดสอบดังกล่าวออกมาเราได้นัดประชุมกับบริษัท ไฟเซอร์ช่วงสัปดาห์ที่สามของเดือน พ.ย.นี้ ซึ่งจะเจรจาขอข้อมูลเชิงลึกที่จะนำมาพัฒนาวัคซีน
ทั้งนี้ กรมควบคุมโรคกำลังจัดเตรียมข้อมูลเพื่อพิจารณาเป้าหมายที่จะเข้าถึงวัคซีน ซึ่งจะมีข้อสรุปราวปลายปีนี้ และเสนอให้คณะกรรมการวัคซีนแห่งชาติพิจารณาต่อไป โดยจะมีการจัดเตรียมวัคซีนไว้สำหรับประชาชนราว 30 ล้านคน