สำนักงานสถิติแห่งชาติ เผยผลสำรวจความคิดเห็นของประชาชนเกี่ยวกับความต้องการประหยัดพลังงานในปี 50 พบว่า ประชาชนส่วนใหญ่เห็นด้วยกับการจำกัดความเร็วในการขับรถไม่เกิน 90 กม./ชม., การจัดที่จอดรถแท็กซี่ เพื่อลดการวิ่งรถหาผู้โดยสาร, กำหนดเวลาเปิด-ปิดปั๊มน้ำมัน, จัดโซนนิ่งเพื่อลดการใช้รถยนต์ส่วนตัว, ส่งเสริมการใช้รถยนต์ขนาดเล็กโดยเพิ่มภาษีสรรพสามิตสำหรับรถยนต์ขนาดใหญ่ และการเก็บค่าที่จอดรถยนต์ส่วนตัวให้แพงขึ้น
อย่างไรก็ตาม พบว่ามีผู้ที่เปลี่ยนการใช้น้ำมันเบนซินหรือดีเซลมาเป็นก๊าซธรรมชาติเพียง 29.4% เท่านั้น
สำหรับมาตรการที่ได้ดำเนินการไปแล้ว พบว่าประชาชนเห็นด้วยกับการใช้มาตรการปิดไฟป้ายโฆษณาและอาคารหลังเวลา 24.00 น.มากสุด 93.3% รองลงมา 92.3% คือ การปิดสนามกอล์ฟหรือไดร์ฟกอล์ฟหลังเวลา 21.00 น., 91.1% เสนอให้ปิดห้างสรรพสินค้าในช่วงเวลา 22.00-10.00 น., 88.7% เสนอให้คิดอัตราค่าไฟฟ้าแบบอัตราก้าวหน้า 88.7%, 81.8% เสนอให้ปิดไฟถนนที่มีรถน้อยและเปิดไฟถนนเฉพาะบริเวณทางแยกหลังเวลา 24.00 น. และ 76.5% เสนอให้ปิดสถานบันเทิงหลังเวลา 02.00 น.
หากพิจารณาตามรายสาขาอาชีพพบว่า ข้าราชการและพนักงานรัฐวิสาหกิจไม่เห็นด้วยกับการปิดสถานบันเทิงหลังเวลา 02.00 น.และการปิดสนามกอล์ฟหรือไดร์ฟกอล์ฟหลังเวลา 21.00 น. ส่วนกลุ่มนักเรียน นักศึกษาไม่เห็นด้วยกับการปิดห้างสรรพสินค้าในช่วงเวลา 22.00-10.00 น. ขณะที่กลุ่มอาชีพแม่บ้านเห็นด้วยกับการปิดสนามกอล์ฟหลัง 21.00 น.เพราะหวังให้สามีรีบกลับบ้าน
ส่วนความคิดเห็นเกี่ยวกับการสร้างโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ในการผลิตกระแสไฟฟ้าพบว่ามีประชาชน 41.3% เห็นด้วย แต่มีผู้ไม่เห็นด้วยถึง 22.7 และยังไม่แน่ใจหรือไม่ทราบรายละเอียด 36%
นอกจากนี้ ประชาชนยังเสนอให้รัฐบาลดำเนินการเกี่ยวกับพลังงานทดแทนเพื่อให้ประชาชนหันมาใช้มากขึ้น ส่งเสริมให้ประชาชนประหยัดพลังงาน และส่งเสริมการศึกษา วิจัย และพัฒนาพลังงานทดแทน เป็นต้น
ทั้งนี้ สำนักงานสถิติแห่งชาติสำรวจความเห็นจากประชาชนทั่วประเทศ 5,800 คน เพื่อเป็นข้อมูลให้รัฐบาลและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องนำไปเป็นแนวทางการวางแผนต่อไป
--อินโฟเควสท์ โดย รบฦ3/ธนวัฏ/ศศิธร โทร.0-2253-5050 ต่อ 345 อีเมล์: sasithorn@infoquest.co.th--