นายอนุชา นาคาศัย รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ในวันที่ 7 ธ.ค.63 พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม มีกำหนดเดินทางลงพื้นที่จังหวัดนครศรีธรรมราช เพื่อติดตามสถานการณ์น้ำท่วม พร้อมให้กำลังใจผู้ประสบภัยและเจ้าหน้าที่
ส่วนในวันพรุ่งนี้ ตนเองพร้อมทีมงานได้รับมอบหมายจากนายกรัฐมนตรีให้ลงพื้นที่อำเภอระโนด จังหวัดสงขลา เพื่อตรวจเยี่ยมให้กำลังใจประชาชนและเจ้าหน้าที่ รวมทั้งติดตามสถานการณ์อุทกภัยที่เกิดขึ้นในพื้นที่จังหวัดสงขลา พร้อมประเมินสถานการณ์และการให้ความช่วยเหลือของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยจังหวัดสงขลามีพื้นที่ได้รับผลกระทบจำนวน 13 อำเภอ (เมืองสงขลา จะนะ สะเดา หาดใหญ่ ควนเนียง สิงหนคร นาหม่อม รัตภูมิ บางกล่ำ สทิงพระ ระโนด กระแสสินธุ์ คลองหอยโข่ง) 70 ตำบล 435 หมู่บ้าน 56,873 ครัวเรือน
รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า นายกรัฐมนตรีกำชับให้การลงพื้นที่ต้องไม่สร้างความเดือดร้อนและกระทบต่อการทำงานของเจ้าหน้าที่ในการให้ความช่วยเหลือประชาชน ให้ลงพื้นที่เพื่อไปรับทราบข้อมูลความเดือดร้อน พร้อมกับเร่งให้ความช่วยเหลือเพื่อบรรเทาความเดือนร้อนของประชาชนต่อไป
นายธีรภัทร ประยูรสิทธิ ปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงการเปิดรับบริจาคช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วมว่า รัฐบาลมีกองทุนช่วยเหลือผู้ประสบภัยสาธารณภัย สำนักนายกรัฐมนตรี อยู่แล้ว มีเงินที่จะให้การช่วยเหลือประชาชนได้ ส่วนจะเปิดรับบริจาคเพิ่มเติมหรือไม่จะเสนอให้ รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานคณะกรรมการกองทุนดังกล่าวพิจารณาในวันนี้
ด้านกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) ในฐานะกองอำนวยการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยกลาง (กอปภ.ก.) รายงานว่า อิทธิพลมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือพัดปกคลุมอ่าวไทยและภาคใต้ ประกอบกับหย่อมความกดอากาศต่ำปกคลุมประเทศมาเลเซีย ส่งผลให้บริเวณภาคใต้ฝั่งตะวันออกมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางพื้นที่ ทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำไหลหลาก และวาตภัย ตั้งแต่วันที่ 25 พ.ย.63 จนถึงปัจจุบัน มีพื้นที่ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วมฉับพลัน น้ำไหลหลาก และวาตภัย รวม 11 จังหวัด ได้แก่ ชุมพร สุราษฎร์ธานี กระบี่ นครศรีธรรมราช ตรัง พัทลุง สตูล สงขลา ปัตตานี ยะลา และนราธิวาส ครอบคลุมพื้นที่รวม 90 อำเภอ 469 ตำบล 2,960 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 314,639 ครัวเรือน และมีผู้เสียชีวิตแล้ว 8 ราย
โดยขณะนี้ยังคงมีน้ำท่วมใน 7 จังหวัด ครอบคลุมพื้นที่ 67 อำเภอ 374 ตำบล 2,618 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 302,110 ครัวเรือน