นายอนุชา บูรพชัยศรี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม มีความห่วงใยพี่น้องประชาชนที่ออกเดินทางท่องเที่ยวต่างจังหวัดในช่วงวันหยุดยาว ระหว่างวันที่ 10-13 ธ.ค. 63 นี้ ขอให้ระมัดระวังถึงความปลอดภัยบนท้องถนน เพราะอาจเกิดความหนาแน่นในหลายพื้นที่ และที่สำคัญ ขอให้งดดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ หากต้องขับขี่ยานพาหนะ เพื่อไม่ให้เกิดอุบัติเหตุในช่วงเทศกาลด้วย
พร้อมย้ำรัฐบาลให้ความสำคัญการควบคุมสถานการณ์การแพร่ระบาดโควิด-19 โดยเพิ่มมาตรการที่เข้มงวดมากขึ้น ทั้งเพิ่มสิ่งกีดขวางระหว่างชายแดน การใช้เทคโนโลยีบินโดรนสำรวจอย่างต่อเนื่อง โดยขอความร่วมมือให้ชาวไทยที่มีความประสงค์จะเดินทางกลับสู่ประเทศไทย ขอให้ดำเนินการอย่างถูกต้อง รัฐบาลยินดีที่จะดูแลเพื่อเข้าสู่กระบวนการ State Quarantine 14 วัน
นายอนุชา ยืนยันว่า สถานการณ์โควิดในประเทศขณะนี้ไม่ใช่ Super Spreader เพราะกระบวนการทางสาธารณสุขสามารถติดตามและยังควบคุมได้ ส่วนผู้ที่ลักลอบเข้าสู่ประเทศไทยในช่องทางธรรมชาติ ก็จะต้องถูกดำเนินคดีตามกฎหมาย โดยวานนี้ (8 ธ.ค.) นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรมว.สาธารณสุข พร้อมด้วยนายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รมว.ท่องเที่ยวและกีฬา ได้เดินทางไปตรวจราชการที่ชายแดนจังหวัดเชียงราย เพื่อสร้างความเชื่อมั่นแก่ประชาชนถึงความปลอดภัย โดยยังสามารถใช้ชีวิตประจำวันได้ตามปกติ เพียงแต่ยังต้องยึดหลักใส่หน้ากากอนามัย หมั่นล้างมือ และเว้นระยะห่าง
โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ยังกล่าวถึง "โครงการคนละครึ่ง เฟส 2" ว่า ได้เปิดเพิ่มอีก 5 ล้านสิทธิ โดยเพิ่มวงเงินให้แก่ 10 ล้านสิทธิเดิมด้วย ซึ่งโครงการจะดำเนินไปจนถึงสิ้นเดือนมี.ค.64 อย่างไรก็ตาม นายกรัฐมนตรีแสดงความกังวลถึงการดำเนินการที่ไม่ถูกต้องตามระเบียบของคนบางกลุ่ม ที่หาผลประโยชน์แทนการใช้จ่ายตามจุดประสงค์ ซึ่งกระทรวงการคลังได้ประสานงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อดำเนินคดีแล้ว
ส่วนกรณีการเสนอมติของสมาชิกวุฒิสภาสหรัฐฯ เกี่ยวกับสถานการณ์ประชาธิปไตยในไทย โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีกล่าวว่า เป็นเพียงมติจากสมาชิกวุฒิสภาสหรัฐฯ บางคนที่อาจได้รับข้อมูลคลาดเคลื่อน ซึ่งไม่ใช่ท่าทีโดยรวมของรัฐสภาสหรัฐฯทั้งหมด พร้อมยืนยันว่า รัฐบาลไทยยึดมั่นการชุมนุมอย่างสงบ สันติ แลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันอย่างเหมาะสม ส่วนการชุมนุมนั้น รัฐบาลจำเป็นต้องใช้มาตรการที่เหมาะสม ไม่มีใครถูกดำเนินคดีเพียงเพราะการชุมนุมอย่างสงบ
สำหรับข้อเรียกร้องของกลุ่มผู้ชุมนุม อาทิ การแก้ไขรัฐธรรมนูญ รัฐบาลมีความจริงใจ และจะดำเนินการตามกระบวนการ ทั้งนี้ อาจมีการทำประชามติหากจำเป็น อย่างไรก็ตาม รัฐบาลหวังว่า รัฐบาลสหรัฐฯ ที่เป็นมิตรประเทศกับไทยมาอย่างยาวนาน จะเข้าใจกระบวนการประชาธิปไตยของไทย และสนับสนุนการดำเนินการของไทย