(เพิ่มเติม) ศบค.พบผู้ติดเชื้อโควิดรายใหม่ 18 ราย ติดเชื้อในประเทศ 1 ราย

ข่าวทั่วไป Thursday December 10, 2020 14:51 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 (ศบค.) รายงานสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ในประเทศวันนี้ว่า พบผู้ป่วยยืนยันติดเชื้อรายใหม่เพิ่ม 18 ราย โดยเป็นผู้เดินทางมาจากต่างประเทศและเข้าสถานกักกันที่รัฐจัดให้ (State Quarantine) 17 ราย ประกอบด้วย สวิตเซอร์แลนด์ 4 ราย, เนปาล 1 ราย, สวีเดน 2 ราย, ฟิลิปปินส์ 2 ราย, เคนยา 1 ราย, รัสเซีย 1 ราย, อิตาลี 2 ราย, ลิเบีย 1 ราย, สหรัฐอเมริกา 1 ราย และสหราชอาณาจักร 2 ราย ส่วนอีกรายเป็นผู้ติดเชื้อในกรุงเทพฯ

รายที่ 1-4 มาจากสวิตเซอร์แลนด์ เป็นหญิงไทยอายุ 53 และ 56 ปี อีก 2 ราย เป็นชายสัญชาติสวิสอายุ 53 และ 63 ปี

รายที่ 5 มาจากเนปาล เป็นหญิงสัญชาติเนปาล อายุ 20 ปี

รายที่ 6-7 มาจากสวีเดน เป็นหญิงไทยอายุ 16 และ 63 ปี

รายที่ 8-9 มาจากฟิลิปปินส์ เป็นชายสัญชาติอเมริกันอายุ 65 ปี และหญิงสัญชาติฟิลิปปินส์ อายุ 28 ปี

รายที่ 10 มาจากเคนยา เป็นชายสัญชาติเคนยา อายุ 35 ปี

รายที่ 11 มาจากรัสเซีย เป็นหญิงไทย อายุ 53 ปี

รายที่ 12-13 มาจากอิตาลี เป็นชายไทย อายุ 22 ปี และหญิงไทย อายุ 30 ปี

รายที่ 14 มาจากลิเบีย เป็นชายไทย อายุ 52 ปี

รายที่ 15 มาจากสหรัฐอเมริกา เป็นชายสัญชาติอเมริกัน อายุ 56 ปี

รายที่ 16-17 มาจากสหราชอาณาจักร เป็นหญิงสัญชาติอิตลาลี อายุ 23 ปี และชายสัญชาติอเมริกัน อายุ 23

รายที่ 18 ติดเชื้อในกรุงเทพฯ เป็นหญิงไทย อายุ 29 ปี เป็นบุคลากรทางการแพทย์

สำหรับจำนวนผู้ป่วยยืนยันสะสมในประเทศ ล่าสุดอยู่ที่ 4,169 ราย แบ่งเป็น ผู้ติดเชื้อภายในประเทศ 2,462 ราย และผู้ที่เดินทางมาจากต่างประเทศ 1,707 ราย ส่วนผู้ป่วยรักษาหายแล้วเพิ่มอีก 8 ราย รวมเป็น 3,888 ราย ยังมีผู้ป่วยรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาล 221 ราย ยอดผู้เสียชีวิตสะสมคงที่ 60 ราย

ขณะที่สถานการณ์แพร่ระบาดทั่วโลกมีผู้ป่วยติดเชื้อรายใหม่ 643,472 ราย ทำให้มียอดผู้ป่วยสะสมรวม 69,227,000 ราย เสียชีวิตแล้ว 1,575,612 ราย โดยสหรัฐอเมริกามีผู้ป่วยสะสมสูงสุด 15,820,042 ราย ตามมาด้วยอินเดีย 9,762,326 ราย ส่วนไทยอยู่อันดับที่ 151

นพ.ทวีศิลป์ พิษณุโยธิน โฆษก ศบค.กล่าวว่า การพบบุคลาการทางแพทย์ติดเชื้อในประเทศรายที่ 6 เป็นผลจากการสอบสวนโรคทำให้รู้ว่าต้นทางมาจากผู้ป่วยรายที่ 4 ซึ่งสงสัยว่าเกิดจากความผิดพลาด เผลอเรอ ไม่ได้ตระหนัก ไม่ให้ความสำคัญ เนื่องจากปกติจะปฏิบัติตามหลักความปลอดภัยตลอดเวลา เช่น สวมชุด PPE และเมื่อออกจากสถานที่ทำงานไม่ถึงขั้นกักตัว แต่ต้องระมัดระวังโดยเฉพาะขณะปฏิบัติหน้าที่ และด้วยประสบการณ์ที่มีผ่านมาทำให้มีมั่นใจว่าสามารถควบคุมสถานการณ์แพร่ระบาดให้อยู่ในวงจำกัดได้ แต่ต้องอาศัยความร่วมมือจากประชาชน ซึ่งจากการตรวจคัดกรองผู้สัมผัสเสี่ยงทั้งหมด 851 ราย ผลออกมาเป็นลบ 745 ราย เมื่อเกิดเหตุได้กักกันตัวกลุ่มเสี่ยงแล้วตรวจสอบในวงกว้าง และจะต้องมีมาตรการป้องกันละเอียดมากขึ้น ซึ่งบุคคลที่ทำงานในด้านนี้ มีการป้องกันระวังตัว เช่น สวมชุด PPE และเมื่อออกจากสถานที่ทำงานไม่ถึงขั้นกักตัว แต่ต้องระมัดระวัง สังเกตุอาการตัวเอง

"กรณีที่เกิดขึ้นหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต้องมาหารือกัน เพื่อหามาตรการป้องกันปิดรอยรั่วไม่ให้เกิดขึ้นอีก ไม่ไปโทษว่าเป็นความผิดพลาดของใคร แต่นำมาเป็นบทเรียน" นพ.ทวีศิลป์ กล่าว

ส่วนปัญหาผู้ลักลอบเข้าประเทศนั้น หน่วยงานมั่นคงและจังหวัดที่มีพื้นที่ตามแนวชายแดนได้ดำเนินมาตรการเข้มงวด ซึ่งต้องเฝ้าระวังตลอดเวลา แม้ขณะนี้ในบางประเทศ เช่น สปป.ลาว และกัมพูชา จะมีรายงานผู้ติดเชื้อไม่มาก และต้องฝากให้คนในพื้นที่ช่วยกันเป็นหูเป็นตา

ขณะนี้มีผู้เดินทางมาจากต่างประเทศรวม 172,952 ราย ตรวจพบติดเชื้อ 1,181 ราย โดยเดินทางมาจาก 85 ประเทศ พบติดเชื้อมาจาก 72 ประเทศ และในวันนี้จะมีผู้เดินทางกลับมาอีก 840 ราย ซึ่งภาครัฐยังมีความพร้อมที่จะรองรับ และขอให้ประชาชนติดตามข้อมูลจาก ศบค.และกระทรวงสาธารณสุขที่จะมีการแถลงข่าวทุกวันในเวลา 11.30 น.เพื่อป้องกันเฟคนิวส์ที่เป็นข้อมูลเก่าหรือข้อมูลที่ไม่ถูกต้อง

"ขอให้ประชาชนตื่นตัวแต่อย่าตื่นตูม ขอให้ตระหนักแต่อย่าตื่นตระหนก ร่วมมือปฏิบัติตามหลักสุขอนามัยตลอดเวลา" นพ.ทวีศิลป์ กล่าว

โฆษก ศบค.กล่าวว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม ในฐานผู้อำนวยการ ศบค.สั่งกำชับทุกหน่วยงานให้เข้มงวด ซึ่งเมื่อคืนนี้กรมการปกครองบุกจับสถานบันเทิงกลางเมืองปิดเกินเวลา ไม่ปฎิบัติตามมาตรการทางด้านสาธารณสุขและพบยาเสพติดด้วย ชี้ให้เห็นว่า สถานที่ดังกล่าวเป็นพื้นที่เสี่ยง ทุกคนต้องระวังตัว เช่นเดียวกับแหล่งอบายมุขต่างๆ

นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า กรณีผู้ติดเชื้อจากจังหวัดท่าขี้เหล็กมีจำนวน 46 ราย โดยในจำนวนนี้ 27 คนอยู่ในสถานที่กักกันของรัฐ (Local Quarantine) ซึ่งผลตรวจเชื้อทั้งหมดล่าสุดไม่พบผู้ติดเชื้อเพิ่มเติม ถือเป็นสัญญาณที่ดีว่าสามารถควบคุมสถานการณ์ไว้ได้แล้ว หากพ้นจากนี้ไปอีก 14 วัน ไม่พบผู้ติดเชื้อเพิ่มเติมก็ถือว่าปลอดภัย แต่กระทรวงสาธารณสุขยังดำเนินมาตรการต่อเนื่อง โดยเฉพาะตามแนวชายแดนที่มีสถานบันเทิงในประเทศเพื่อนบ้าน ตลอดจนเฝ้าระวังผู้ป่วยโรคป่วยบวม และไข้หวัด

"สถานการณ์ขณะนี้ไม่น่ามีปัญหา ขอให้ประชาชนอย่ากังวล ถ้าไม่ใช่ผู้สัมผัสใกล้ชิดกับผู้ป่วยไม่ต้องถึงขั้นปิดโรงเรียน ปิดกิจการ" นพ.โอภาส กล่าว

โดยผู้สัมผัสเสี่ยงสูงนั้น ได้แก่ ผู้ที่อยู่ใกล้ชิดกับผู้ติดเชื้อ เช่น คนในครอบครัว, ผู้ที่ถูกไอจามรด, ผู้ที่อยู่ในสถานที่แออัดนานเกิน 15 นาที เช่น ในรถตู้โดยสาร และผู้ที่พูดคุยกับผู้ติดเชื้อโดยไม่สวมใส่หน้ากากนานเกิน 5 นาที

อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า โควิด-19 สายพันธุ์ C เป็นเชื้อโรคที่ตรวจพบส่วนใหญ่ ซึ่งสามารถแพร่เชื้อได้ง่าย แต่ความรุนแรงถึงเสียชีวิตต่ำ ดังนั้นจึงไม่เป็นอุปสรรคต่อการพัฒนาวัคซีนที่ครอบคลุมอยู่แล้ว

นพ.โสภณ เอี่ยมศิริถาวร ผู้อำนวยการกองโรคติดต่อทั่วไป กรมควบคุมโรค กล่าวว่า สำหรับผู้ติดเชื้อในประเทศรายใหม่เป็นหญิงไทย อายุ 29 ปี ทำงานที่โรงพยาบาลเอกชน BNH และทำงานในโรงแรมที่เป็นสถานที่กักกันทางเลือก (Alternative State Quarantine:ASQ) เป็นผู้ป่วยในกลุ่มบุคลากรทางแพทย์คนที่ 6 ซึ่งมีเพื่อนร่วมงานติดเชื้อก่อนหน้านี้ 5 ราย โดยมีสาเหตุมาจากการรับประทานอาหารร่วมกัน มีไข้ เจ็บคอ ปวดกล้ามเนื้อ ผลตรวจหาเชื้อครั้งแรกเมื่อวันที่ 5 ธ.ค.63 ออกมาเป็นลบ และตรวจอาการซ้ำเมื่อวันที่ 8 ธ.ค.63 ผลออกมาเป็นบวก

"ผู้ป่วยรายที่ 6 เป็นผู้สัมผัสเสี่ยงสูงและเป็นบุคคลที่อยู่ในกลุ่มเฝ้าระวังอยู่แล้ว เนื่องจากมีประวัติทานข้าวกับผู้ป่วยคนที่ 1 และเมื่อพบการติดเชื้อของกลุ่มนี้ได้มีการตรวจเชื้อในกลุ่มบุคคลที่ใกล้ชิด ทั้งโรงพยาบาลเอกชนต้นสังกัดและสถานที่กักตัวทางเลือกรวม 745 คน ผลเป็นลบทั้งหมด ส่วนอีกกลุ่ม 106 คนกำลังรอผลตรวจ ส่วนการตรวจหาเชื้อในกลุ่มเพื่อนร่วมหอพัก ห้องสัมภาษณ์งาน ครอบครัว รวม 20 คน ไม่พบเชื้อ รวมทั้งการตรวจในกลุ่มสถานที่กักตัวทางเลือก 2 แห่ง รวม 34 คน ไม่พบเชื้อ" นพ.โสภณ กล่าว

สำหรับไทม์ไลน์ของผู้ป่วยติดเชื้อรายแรกที่ตรวจพบกรณีนี้

ช่วงวันที่ 24-26 พ.ย.63 ปฏิบัติหน้าที่ใน ASQ รร.เลอเมอริเดียน สีลม โดยใส่เครื่องป้องกันตัว ไม่พบผู้ติดเชื้อ

วันที่ 28 พ.ย.63 ปฏิบัติหน้าที่ใน ASQ รร.พูลแมน สีลม วัดไข้รอบ 09.30-20.00 น. รับใหม่ 3 ราย ไม่พบผู้ติดเชื้อ เข้าพักกับผู้ติดเชื้อรายที่ 2 และรายที่ 4 โดยขณะอยู่ในห้องไม่ได้ใส่หน้ากากและใช้ห้องน้ำร่วมกัน

วันที่ 30 พ.ย.63 ทำงานห้อง ICU และแวะซื้อยำหน้าหอพัก

วันที่ 1 ธ.ค.63 ปฏิบัติหน้าที่ใน ASQ รร.พูลแมน สีลม รับเวรกับผู้ป่วยรายที่ 3 และรายที่ 5

วันที่ 2 ธ.ค.63 ไปสัมภาษณ์ที่ รพ.ฝั่งธนบุรี โดย MRT ช่วงเวลา 10.00-10.15 น.และเดินทางกลับด้วย BTS ช่วงเวลา 14.00-14.10 น.โดยใส่หน้ากากตลอดเวลา

วันที่ 3 ธ.ค.63 ทำงานที่ รพ.BNH เวลา 12.00 น.เริ่มมีอาการไข้ และเวลา 19.00 น.มา รพ.เพื่อเก็บตัวอย่างทางห้องปฏิบัติการ

วันที่ 4 ธ.ค.63 ช่วงเช้าเริ่มมีอาการเจ็บคอและไอ เข้ารับการรักษาที่ รพ.เอกชน และเวลา 19.00 น.ผลตรวจออกมาว่าพบเชื้อโควิด-19


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ