ศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 (ศบค.) รายงานสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ในประเทศวันนี้ว่า พบผู้ป่วยยืนยันติดเชื้อรายใหม่เพิ่ม 12 ราย เป็นผู้เดินทางมาจากต่างประเทศและเข้าสถานกักกัน (State Quarantine) ประกอบด้วย เยอรมนี 1 ราย สวีเดน 1 ราย สหราชอาณาจักร 1 ราย บาห์เรน 7 ราย อินเดีย 1 ราย และคูเวต 1 ราย
รายที่ 1 เพศชาย อายุ 41 ปี สัญชาติไทย อาชีพนักร้อง เดินทางมาจากเยอรมนี ถึงไทยเมื่อ 28 พ.ย.63 เข้าพักที่ State Quarantine (SQ) จ.ชลบุรี ตรวจหาเชื้อวันที่ 9 ธ.ค. ผลพบเชื้อ ไม่มีอาการ รักษาตัวที่ รพ.สัตหีบ
รายที่ 2 เพศชาย อายุ 37 ปี สัญชาติสวีเดน อาชีพธุรกิจส่วนตัว เดินทางมาจากสวีเดน ถึงไทยเมื่อ 4 ธ.ค.63 เข้าพักที่ Alternative State Quarantine (ASQ) จ.สมุทรปราการ ตรวจหาเชื้อวันที่ 9 ธ.ค. ผลพบเชื้อ ไม่มีอาการ รักษาตัวที่ รพ.เอกชน
รายที่ 3 เพศหญิง อายุ 19 ปี สัญชาติไทย เป็นนักเรียน เดินทางมาจากสหราชอาณาจักร ถึงไทยเมื่อ 6 ธ.ค.63 เข้าพักที่ ASQ กรุงเทพฯ ตรวจหาเชื้อวันที่ 9 ธ.ค. ผลพบเชื้อ ไม่มีอาการ รักษาตัวที่ รพ.เอกชน
รายที่ 4-9 เพศหญิง อายุระหว่าง 23-51 ปี อาชีพแม่บ้าน, พนักงานนวด, รับจ้างทั่วไป, รับเลี้ยงเด็ก เดินทางมาจากบาห์เรน ถึงไทยวันที่ 6 ธ.ค.63 เข้าพักที่ SQ จ.ชลบุรี ตรวจหาเชื้อวันที่ 9-10 ธ.ค. ผลพบเชื้อ ไม่มีอาการ
รายที่ 10 เพศชาย อายุ 35 ปี สัญชาติอินเดีย เดินทางมาจากอินเดีย ถึงไทยเมื่อ 9 ธ.ค.63 เข้าพักที่ Alternative Hospital Quarantine (AHQ) จ.กรุงเทพฯ ตรวจหาเชื้อวันที่ 10 ธ.ค. ผลพบเชื้อ ไม่มีอาการ รักษาตัวที่ รพ.เอกชน
รายที่ 11 เพศชาย อายุ 40 ปี สัญชาติคูเวต อาชีพทหาร (มีโรคประจำตัว หัวใจเต้นผิดจังหวะ และมีประวัติติดเชื้อโควิดเมื่อ ก.ย.63) เดินทางมาจากคูเวต ถึงไทยเมื่อ 5 ธ.ค.63 เข้าพักที่ AHQ จ.กรุงเทพฯ ตรวจหาเชื้อวันที่ 5 ธ.ค. ผลพบเชื้อ ไม่มีอาการ รักษาตัวที่ รพ.เอกชน
รายที่ 12 เพศหญิง อายุ 31 ปี สัญชาติไทย อาชีพรับจ้างทั่วไป (มีประวัติติดเชื้อโควิดเมื่อ พ.ย.63) เดินทางมาจากบาห์เรน ถึงไทยวันที่ 6 ธ.ค.63 เข้าพักที่ SQ จ.ชลบุรี ตรวจหาเชื้อวันที่ 10 ธ.ค. ผลพบเชื้อ มีอาการปวดศรีษะ
สำหรับจำนวนผู้ป่วยยืนยันสะสมในประเทศ ล่าสุดอยู่ที่ 4,192 ราย เป็นผู้ป่วยที่ติดเชื้อภายในประเทศ 2,462 ราย และผู้เดินทางมาจากต่างประเทศ 1,730 ราย ส่วนผู้ป่วยรักษาหายแล้วเพิ่มอีก 12 ราย รวมเป็น 3,915 ราย ยังมีผู้ป่วยรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาล 217 ราย ยอดผู้เสียชีวิตสะสมคงที่ 60 ราย
ส่วนสถานการณ์การระบาดของไวรัสโควิด-19 ทั่วโลก ล่าสุดวันนี้มียอดผู้ติดเชื้อรวม 71,432,996 ราย เสียชีวิต 1,601,088 ราย โดยประเทศที่มีผู้ติดเชื้อสะสมสูงสุด อันดับแรก คือ สหรัฐอเมริกา 16,295,458 ราย อันดับสอง อินเดีย 9,827,026 ราย อันดับสาม บราซิล 6,836,313 ราย อันดับสี่ รัสเซีย 2,597,711 ราย อันดับห้า ฝรั่งเศส 2,351,372 ราย โดยไทยอยู่อันดับที่ 151
นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค เปิดเผยว่า จากรายงานล่าสุดในการนำคนไทยกลับจากฝั่งท่าขี้เหล็ก ประเทศเมียนมา ซึ่งมีคนไทยแจ้งความประสงค์จะเดินทางเข้าประเทศอย่างถูกต้องตามกฎหมายตามช่องทางปกติที่ จ.เชียงรายนั้น เมื่อวานนี้ (11 ธ.ค.) พบว่ามีคนไทยเดินทางเข้ามาแล้ว 107 ราย แบ่งเป็น ผู้ใหญ่ 104 ราย และเด็ก 3 ราย ซึ่งในจำนวน 107 รายนี้ ทางฝั่งเมียนมาได้มีการตรวจหาเชื้อโควิดจากประเทศต้นทาง พบว่ามี 5 รายที่ติดเชื้อ จึงได้นำเข้ามารับการรักษาที่ รพ.เชียงรายประชานุเคราะห์แล้ว เพื่อสร้างความมั่นใจได้ว่าจะไม่มีการแพร่เชื้อต่อไปยังที่อื่น ส่วนที่เหลือได้เข้าอยู่ในสถานกักกันตัว Local Quarantine และมีการตรวจหาเชื้ออีกรอบ ซึ่งพบว่ามีผู้ติดเชื้ออีก 4 ราย และทั้งหมดได้เข้าสู่ขั้นตอนการรักษาแล้วเช่นกัน
"คนไทยกลุ่มที่เข้ามาอย่างถูกต้องตามกฎหมาย 107 รายนี้ พบการติดเชื้อเพิ่มทั้งหมดรวม 9 ราย แต่ทั้ง 9 รายนี้ แทบจะไม่มีอาการ จึงไม่น่าเป็นห่วง ซึ่ง รพ.เชียงรายประชานุเคราะห์ ได้จัดเตรียมอุปกรณ์ และมีห้องแยกโรคอย่างเพียงพอ ขอให้มั่นใจได้ และขอฝากให้ประชาชนที่จะกลับเข้าประเทศ ขอให้เข้ามาอย่างถูกต้องตามกฎหมาย ซึ่งทางเราได้มีการอำนวยความสะดวกให้ อีกทั้งยังเป็นการช่วยสร้างความมั่นใจและความปลอดภัยให้กับชุมชนด้วย" นพ.โอภาสระบุ
พร้อมย้ำว่า ประชาชนที่ต้องการเดินทางไปท่องเที่ยวใน จ.เชียงราย หรือจังหวัดอื่นๆ ที่พบผู้ติดเชื้อโควิด-19 ขอว่าอย่ากังวล เพราะไม่จำเป็นต้องถูกกักตัว 14 วันหลังเดินทางกลับมา เว้นแต่จะเป็นผู้สัมผัสเสี่ยงสูงเท่านั้นที่จะต้องถูกกักตัว ซึ่งผู้สัมผัสเสี่ยงสูง หมายถึง ผู้สัมผัสใกล้ชิดในสถานที่และเวลาเดียวกันกับผู้ป่วยโดยไม่สวมหน้ากากอนามัย, อยู่บ้านเดียวกับผู้ป่วย, พูดคุยกับผู้ป่วยในระยะ 1 เมตร เกิน 5 นาที, ถูกผู้ป่วยไอ-จามรด และอยู่ในสถานที่แออัดร่วมกับผู้ป่วยในระยะ 1 เมตร นานเกิน 15 นาที
นพ.โอภาส ยังกล่าวถึงการจัดกิจกรรมและการแสดงดนตรีในช่วงนี้ว่า ทุกจังหวัดในประเทศไทยยังสามารถจัดกิจกรรมต่างๆ ได้อย่างปลอดภัย เนื่องจากขณะนี้ไม่ได้มีจุดไหนในประเทศไทยที่มีการระบาดของไวรัสโควิด เพราะผู้ป่วยที่ติดเชื้อส่วนใหญ่มาจากต่างประเทศ และได้มีการนำเข้าสู่ระบบการกักกันโรคและรับการรักษาแล้ว อย่างไรก็ดี ต้องขอความร่วมมือผู้จัดกิจกรรมให้เข้มงวดในการเตรียมมาตรการต่างๆ ให้พร้อม เช่น กำชับให้ผู้เข้าร่วมงานต้องใส่หน้ากากอนามัย, มีการจัดเตรียมเจลแอลกอฮอล์ หรือจัดจุดล้างมือ และให้ผู้ร่วมงานต้องสแกนไทยชนะทุกครั้งด้วย
ด้าน นพ.โสภณ เอี่ยมศิริถาวร ผู้อำนวยการกองโรคติดต่อทั่วไป กรมควบคุมโรค เปิดเผยถึงรายละเอียดไทม์ไลน์ของผู้ป่วยซึ่งเป็นบุคลากรทางการแพทย์ รายที่ 6 ที่ติดเชื้อโควิดว่า ผู้ป่วยรายที่ 6 นี้เป็นผู้สัมผัสเสี่ยงสูงที่ได้รับเชื้อมาจากผู้ป่วยรายที่ 1 ที่เป็นบุคลากรทางการแพทย์เช่นเดียวกัน โดยจากไทม์ไลน์มีรายละเอียด ดังนี้
- วันที่ 3 ธ.ค. กินข้าวเที่ยงกับผู้ป่วยรายที่ 1 จากนั้นเวลา 15.00 น. เจอกันอีกรอบ นั่งโต๊ะเดียวกัน ห่าง 1 เมตร
- วันที่ 4 ธ.ค. ทำงานในห้อง ICU ที่ รพ.เอกชน โดยขับรถมอร์เตอร์ไซค์ไปทำงาน
- วันที่ 5 ธ.ค. ไป swab ที่คลินิก ARI และเวลา 16.00 น. ไป supermarket โดยใส่ mask และไม่ได้อยู่ใกล้ใคร
- วันที่ 6-7 ธ.ค. ผล PCR ครั้งแรกไม่พบเชื้อ รพ.ให้กักตัวอยู่ในที่พัก ไม่ได้ออกไปพบใคร
- วันที่ 8 ธ.ค. เริ่มมีไข้ 37.6 องศา เวลา 10.00 น. เข้ารับการรักษา ส่วนเพื่อนร่วมห้องพัก กักตัวอยู่ที่รพ. BNH
อย่างไรก็ดี ทางกรุงเทพมหานคร (กทม.) ได้ลงพื้นที่ตรวจสอบกล้องวงจรปิด และทำความสะอาดบริเวณจุดสัมผัสร่วมที่บริเวณสถานที่พักของผู้ป่วยรายที่ 6 แล้ว ส่วนผู้สัมผัส 10 รายของผู้ป่วยรายนี้ ผลตรวจไม่พบเชื้อ
"ที่มีข่าวลือในโซเชียลว่ามีผู้ติดโควิด อยู่ในคอนโดฯ ที่กรุงเทพฯ ก็เป็นผู้ป่วยรายที่ 6 นี้ที่เป็นบุคลากรทางการแพทย์...แต่ความเสี่ยงของผู้ป่วยรายนี้ถือว่าน้อยมากที่จะแพร่เชื้อไปสู่ผู้อื่น เพราะช่วง 6-7 ธ.ค. ไม่ได้ออกจากห้องไปไหน ไม่ทำให้เกิดความเสี่ยง และคอนโดฯ ที่อยู่ก็ได้ทำให้เกิดความมั่นใจ เพราะมีการทำความสะอาด และฆ่าเชื้อโรคทั้งในลิฟท์ ล็อบบี้ ทางเดิน มีการวัดอุณหภูมิพนักงานของคอนโดฯ ทั้งแม่บ้าน รปภ. ก็ขอให้สบายใจได้ว่าโอกาสในการแพร่เชื้อไปในคอนโดฯ มีน้อย" นพ.โสภณกล่าว