น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า คณะรัฐมนตรี (ครม.) รับทราบมาตรการเพื่อป้องกันมิให้เจ้าหน้าที่ของรัฐกระทำการทุจริตเกี่ยวกับการลักลอบซื้อขายยาเสพติดในเรือนจำและทัณฑสถาน ตามที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เสนอ พร้อมให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับมาตรการไปพิจารณาดำเนินการ
ทั้งนี้ คณะกรรมการ ป.ป.ช.ระบุว่า ปัญหาการลักลอบซื้อขายยาเสพติดในเรือนจำและทัณฑสถาน เป็นปัญหาสำคัญโดยใช้โทรศัพท์เคลื่อนที่เป็นเครื่องมือสื่อสาร เกิดจากเจ้าหน้าที่ของรัฐที่มีหน้าที่ควบคุมดูแลความสงบเรียบร้อยภายในเรือนจำกระทำการทุจริตเป็นสำคัญ โดยเจ้าหน้าที่รัฐรู้เห็นเป็นใจและรับผลประโยชน์จากกลุ่มผู้ต้องขังหรือผู้ที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งการละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ในการตรวจค้นผู้ต้องขังหรือเจ้าหน้าที่ด้วยกัน หรือเกิดจากความเกรงใจไม่กล้าตรวจค้นผู้ที่มีตำแหน่งหน้าที่สูงกว่า
ทั้งนี้ ป.ป.ช.ได้เสนอมาตรการเพื่อป้องกันปัญหาการลักลอบซื้อขายยาเสพติดในเรือนจำ ดังนี้ 1.กรณีผู้ต้องขังเป็นผู้มีอิทธิพลทางการเงินสามารถติดต่อสั่งการค้ายาเสพติดได้อย่างอิสระกับเครือข่ายภายนอกเรือนจำ ให้เรือนจำทั่วประเทศห้ามเจ้าหน้าที่ใช้โทรศัพท์เคลื่อนที่หรืออุปกรณ์สื่อสารอื่นๆ ในเรือนจำ และให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องประสานกับผู้ให้บริการเครือข่ายในการตรวจจับสัญญาณการโทรออกเป็นรายวัน โดยส่งข้อมูลให้กับหน่วยงานรัฐบาลเพื่อให้มีส่วนร่วมในการตรวจสอบและรายงานให้กรมราชทัณฑ์ทราบเพื่อลงโทษผู้บัญชาการเรือนจำ และขยายผลการปราบปราม
รวมทั้งให้มีการแก้ไขกฎหมายที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้ผู้รับอนุญาตด้านโทรคมนาคมที่ต้องดูแลด้านความมั่นคงของรัฐ เมื่อได้รับการร้องขอให้ถือเป็นส่วนหนึ่งของผู้รับใบอนุญาตที่ต้องดำเนินการในทุกๆ ด้าน หากไม่สามารถทำได้อาจจะถูกพิจารณาเปลี่ยนแปลงใบอนุญาตหรือยกเลิกใบอนุญาต
2.กรณีตรวจพบยาเสพติดในเรือนจำ ให้กรมราชทัณฑ์เปิดเผยผลการตรวจจับยาเสพติดและสิ่งผิดกฎหมายในเรือนจำให้สาธารณชนได้รับทราบ โดยเปิดเผยผลการดำเนินการเกี่ยวกับเจ้าหน้าที่ที่ปล่อยปละละเลยให้มีการลักลอบซื้อขายยาเสพติดและสิ่งผิดกฎหมายภายในเรือนจำด้วย
3.กรณีผู้ต้องขังให้สินบนกับเจ้าหน้าที่เพื่อใช้อำนาจในตำแหน่งโดยทุจริต ทำให้เกิดการซื้อขายยาเสพติดในเรือนจำ ให้คณะกรรมการป.ป.ช.พิจารณาประกาศกำหนดตำแหน่งให้เจ้าหน้าที่เรือนจำที่เกี่ยวข้อง มีหน้าที่ต้องยื่นบัญชีทรัพย์สินต่อคณะกรรมการ ป.ป.ช. และให้กรมราชทัณฑ์จัดทำแนวทางในการเปิดเผยข้อมูลการดำเนินคดีอาญา และการลงโทษทางวินัยของเจ้าหน้าที่รัฐที่กระทำความผิดต่อสาธารณะอย่างต่อเนื่อง
4.กรณีผู้ต้องขังในเรือนจำเป็นผู้มีอิทธิพลทางการเงิน สามารถสั่งการให้เครือข่ายค้ายาเสพติดข่มขู่หรือทำร้ายเจ้าหน้าที่ ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องจัดให้มีชุดปฏิบัติการพิเศษร่วมมือทำงานเป็นการถาวร สังเกตการณ์ ควบคุมดูแลผู้ต้องขังคดียาเสพติดรายใหญ่ที่ถูกคุมตัวในเรือนจำความมั่นคงสูงสุดเป็นการพิเศษ ซึ่งรัฐบาลจะต้องสนับสนุนงบประมาณอย่างต่อเนื่อง รวมถึงรับเรื่องร้องเรียนที่เกี่ยวข้อง โดยให้กรมราชทัณฑ์เป็นเจ้าภาพ และให้รัฐบาลมอบหมายรองนายกรัฐมนตรีเป็นผู้รับผิดชอบกำกับดูแล
อย่างไรก็ตาม เนื่องจากบางกรณีเจ้าหน้าที่อาจถูกบีบบังคับจากผู้มีอิทธิพล และเมื่อร้องเรียนตามกระบวนการแต่ไม่มีการคุ้มครองเจ้าหน้าที่ ให้เจ้าหน้าที่ร้องเรียนต่อชุดปฏิบัติการพิเศษ เพื่อดำเนินการให้เกิดผลเป็นรูปธรรมต่อไป