(เพิ่มเติม) ศบค.พบผู้ติดเชื้อโควิดรายใหม่ 15 ราย เดินทางมาจากต่างประเทศ

ข่าวทั่วไป Wednesday December 16, 2020 13:20 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 (ศบค.) รายงานสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ในประเทศวันนี้ว่า พบผู้ป่วยยืนยันติดเชื้อรายใหม่เพิ่ม 15 ราย โดยเป็นผู้เดินทางมาจากต่างประเทศและเข้าสถานกักกันที่รัฐจัดให้ (Quarantine Facilities) ประกอบด้วย สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ 2 ราย, ฮ่องกง 1 ราย, ฮังการี 1 ราย, ฝรั่งเศส 1 ราย, สหราชอาณาจักร 2 ราย, อินเดีย 2 ราย, บาห์เรน 1 ราย, สหรัฐอเมริกา 1 ราย, เมียนมา 3 ราย และบราซิล 1 ราย

สำหรับรายละเอียดผู้ป่วยติดเชื้อรายใหม่วันนี้ เป็นคนไทย 11 ราย ต่างชาติ 4 ราย ส่วนใหญ่ไม่มีอาการ มีอาการเพียง 1 ราย

รายแรก หญิงไทย อายุ 29 ปี อาชีพพนักงานต้อนรับบนเครื่องบิน เดินทางมาจากสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ผลตรวจพบเชื้อ ไม่มีอาการ

รายที่ 2 ชาย สัญชาติอังกฤษ อายุ 43 ปี อาชีพที่ปรึกษาด้าน IT เดินทางมาจากสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์

รายที่ 3 หญิงไทย อายุ 27 ปี เดินทางมาจากฮ่องกง โดยต่อเครื่องที่สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์

รายที่ 4 ชายไทย อายุ 32 ปี อาชีพ ผู้ช่วยพ่อครัวในซุปเปอร์มาร์เก็ต เดินทางมาจากฮังการี โดยต่อเครื่องที่กาตาร์

รายที่ 5 หญิง สัญชาติฝรั่งเศส อาชีพ ครู อายุ 48 ปี เดินทางมาจากฝรั่งเศส ต่อเครื่องที่สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์

รายที่ 6 ชายไทย อายุ 28 ปี เป็นนักศึกษา เดินทางมาจากสหราชอาณาจักร โดยรายนี้มีอาการเจ็บคอ

รายที่ 7 ชายไทย อายุ 20 ปี เดินทางมาจากสหราชอาณาจักร โดยต่อเครื่องที่กาตาร์

รายที่ 8 ชาย สัญชาติอินเดีย อายุ 31 ปี อาชีพนักธุรกิจ เดินทางมาจากอินเดีย ต่อเครื่องที่สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์

รายที่ 9 ชายไทย อายุ 42 ปี อาชีพ พนักงานขุดเจาะอุโมงค์ เดินทางมาจากอินเดีย

รายที่ 10 หญิงไทย อายุ 40 ปี อาชีพพนักงานนวด เดินทางมาจากบาห์เรน ต่อเครื่องที่สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์

รายที่ 11 หญิงไทย อายุ 52 ปี อาชีพแม่ครัว เดินทางมาจากสหรัฐอเมริกา ต่อเครื่องที่ญี่ปุ่น

รายที่ 12-14 เดินทางมาจากเมียนมา ทั้งหมดเป็นหญิงไทย อายุ 24, 33 และ 34 ปี อาชีพพนักงานในสถานบันเทิง โดยรายที่ 13 มีประวัติสัมผัสกับผู้ป่วยยืนยันก่อนหน้า

รายที่ 15 เพศชาย สัญชาติบราซิล เดินทางมาจากบราซิล โดยต่อเครื่องที่สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์

โดยผู้ป่วยทั้ง 15 ราย อยู่ในสถานที่กักกัน/โรงพยาบาลในกรุงเทพ 8 ราย, ชลบุรี 3 ราย, เชียงราย 3 ราย และระยอง 1 ราย

สำหรับจำนวนผู้ป่วยยืนยันสะสมในประเทศ ล่าสุดอยู่ที่ 4,261 ราย เป็นผู้ป่วยที่ติดเชื้อภายในประเทศ 2,463 ราย และผู้เดินทางมาจากต่างประเทศ 1,798 ราย ส่วนผู้ป่วยรักษาหายแล้วอีก 28 ราย รวมเป็น 3,977 ราย ยังมีผู้ป่วยรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาล 224 ราย ยอดผู้เสียชีวิตสะสมคงที่ 60 ราย

นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 กล่าวถึงสถานการณ์ใน จ.เชียงรายว่า การตรวจพบผู้ป่วยโควิดเพิ่มอีก 3 ราย ซึ่งเป็นการเดินทางมาจาก จ.ท่าขี้เหล็ก ประเทศเมียนมา แต่เป็นการเดินทางเข้ามาในประเทศอย่างถูกกฎหมาย และได้เข้าอยู่ในระบบกักกันตัว Local Quarantine ที่ จ.เชียงราย ดังนั้นจึงไม่มีความเสี่ยงที่จะแพร่ระบาดไปยังบุคคลภายนอก และถือว่าสถานการณ์ใน จ.เชียงราย มีความปลอดภัย

ปัจจุบัน ยังเหลือผู้เดินทางจาก จ.ท่าขี้เหล็กที่เข้าประเทศไทยอย่างถูกกฎหมาย และเฝ้าดูอาการอยู่ใน LQ ให้ครบ 14 วันทั้งหมด 248 ราย คาดว่าในวันที่ 20 ธ.ค.ซึ่งเป็นวันครบกำหนด 14 วันนับจากวันสุดท้ายที่ตรวจพบผู้ติดเชื้อโควิดในวันที่ 6 ธ.ค.แล้ว และหากยังไม่การติดเชื้อเพิ่มจากผู้ป่วยในกลุ่มก้อนนี้ก็จะประกาศเป็นพื้นที่ปลอดภัยในทุกจังหวัด

ขณะที่สถานการณ์การระบาดของไวรัสโควิด-19 ทั่วโลก ล่าสุดมียอดผู้ติดเชื้อรวม 73,803,320 ราย เสียชีวิต 1,641,440 ราย โดยประเทศที่ติดเชื้อสูงสุดอันดับแรก คือ สหรัฐอเมริกา 17,143,779 ราย อันดับสอง อินเดีย 9,932,908 ราย อันดับสาม บราซิล 6,974,258 ราย อันดับสี่ รัสเซีย 2,707,945 ราย และอันดับห้า ฝรั่งเศส 2,391,447 ราย โดยไทยอยู่อันดับที่ 152 ของโลก

โฆษก ศบค. กล่าวถึงสถานการณ์ในต่างประเทศที่น่าสนใจว่า เนเธอร์แลนด์ได้ประกาศล็อกดาวน์ประเทศจนถึง 19 ม.ค.64 โดยระบุว่าจะเป็นมาตรการล็อกดาวน์อย่างเคร่งครัดและเข้มงวดเพื่อตัดวงจรการระบาดของไวรัสโควิด-19 มาตรการควบคุมทางสังคมส่วนใหญ่ คือ การปิดโรงเรียนแล้วให้กลับมาเรียนผ่านระบบออนไลน์ การปิดสถานประกอบการที่ไม่จำเป็น การจำกัดการรับแขกที่มาบ้านต้องไม่เกินครั้งละ 2 คน และต้องมีอายุไม่ต่ำกว่า 13 ปี รวมทั้งขอความร่วมมือประชาชนให้ชะลอหรือยกเลิกการเดินทางไปต่างประเทศที่ไม่จำเป็นจนถึงวันที่ 15 มี.ค.64

ทั้งนี้ ในปัจจุบันมี 4 ประเทศที่กำลังใช้มาตรการล็อกดาวน์เพื่อควบคุมการระบาดของไวรัสโควิด-19 ได้แก่ อังกฤษ, เนเธอร์แลนด์, ฝรั่งเศส และเยอรมนี โดย 3 ประเทศหลังนี้มีการล็อกดาวน์ข้ามปีไปจนถึงเดือนม.ค. 64

"ในฝรั่งเศส นอกจากล็อกดาวน์แล้วยังมีเคอร์ฟิวด้วย คงจำได้ว่าประเทศเราเองในเดือน มี.ค. เม.ย. บรรยากาศแบบนี้ คงไม่เข้ากับบรรยากาศความรื่นเริงที่จะเกิดขึ้นในช่วงปีใหม่นี้เลย แต่ประเทศทางตะวันตกต้องเผชิญกับสถานการณ์นี้ข้ามไปถึงปีใหม่ ยาวไปจนถึง 20 ม.ค.64 เราจะไม่ได้เห็นภาพการรื่นเริงสังสรรค์แบบปีก่อนๆ...นี่คือสิ่งที่อยากฝากไว้เตือนใจประชาชนทุกคน เรายังมีอิสระเสรีเดินทางไปได้ทุกที่ในประเทศ เพราะเราเข้มงวดกันมาก่อน แต่ตอนนี้เรายังต้องเข้มงวดอยู่ เป็นความเข้มงวดส่วนบุคคล ขอให้ใส่หน้ากากมากกว่า 90% ให้ 100% เลยยิ่งดี ซึ่งจะช่วยทำให้ประเทศเราผ่านพ้นไปได้" นพ.ทวีศิลป์ระบุ

ด้านนพ.วิชาญ ปาวัน ผู้อำนวยการสถาบันป้องกันควบคุมโรคเขตเมือง เปิดเผยว่า ภาพรวมสำหรับประเทศไทยนั้น การติดเชื้อไวรัสโควิด-19 มาจากผู้ที่มีประวัติเดินทางมาจากต่างประเทศ และอยู่ในสถานกักตัวที่รัฐจัดให้ ยังไม่มีการติดเชื้อในประเทศเพิ่มเติม รวมทั้งไม่พบว่ามีพื้นที่ใดที่พบกลุ่มก้อนการระบาด

ส่วนจำนวนผู้ติดเชื้อโควิด-19 ใน 7 จังหวัดของไทย คือ เชียงใหม่ เชียงราย พะเยา กทม. พิจิตร ราชบุรี และสิงห์บุรี ที่เกี่ยวข้องกับ จ.ท่าขี้เหล็ก ประเทศเมียนมานั้น ความคืบหน้าสถานการณ์ที่ จ.เชียงราย มีการตรวจพบผู้ติดเชื้อโควิดเพิ่ม 3 ราย ซึ่งเป็นการ ตรวจพบอยู่ใน LQ ของ จ.เชียงราย ทำให้มียอดรวมผู้ติดเชื้อจาก 7 จังหวัดดังกล่าวเพิ่มเป็น 67 ราย โดยในจำนวนนี้รักษาหายและเดินทางกลับบ้านแล้ว 20 ราย

"ในจำนวนทั้ง 67 รายนี้ มีเพียง 2 รายเท่านั้น ที่ติดเชื้อภายในประเทศ ส่วนใหญ่ของกลุ่มนี้คือ 48 ราย ซึ่งตรวจพบภายหลังที่ได้นำเข้าสู่ LQ แล้ว โดยรักษาหายแล้ว 20 ราย...ในภาพรวมคือ 7 จังหวัดใกล้จะครบ 14 วันที่ต้องเฝ้าระวัง ดังนั้นกรณีนี้ถือว่าปลอดภัย เพราะผู้ป่วยรายใหม่จะพบเฉพาะที่อยู่ในระบบกักกัน สำหรับผู้ที่เข้าเมืองผิดกฎหมาย จะต้องถูกดำเนินคดีต่อไป" นพ.วิชาญระบุ

ในส่วนของ จ.เชียงรายนั้น ผู้ที่เดินทางมาจาก จ.ท่าขี้เหล็ก และเข้าอยู่ในสถานกักกันตัว LQ ล่าสุดมีจำนวนทั้งสิ้น 248 ราย โดยอยู่ระหว่างการรักษา 35 ราย รักษาหายและกลับบ้านได้แล้ว 20 ราย อย่างไรก็ดี เพื่อเป็นการสร้างความมั่นใจในระดับพื้นที่ จ.เชียงราย ได้มีการตรวจค้นหาผู้ป่วยเพิ่มเติมจาก 26,000 ราย ซึ่งไม่พบเชื้อ จึงมั่นใจได้ว่า จ.เชียงราย และจังหวัดอื่นๆ ที่มีรายงานผู้ป่วยที่เกี่ยวข้องกับท่าขี้เหล็กตอนนี้ปลอดภัย สามารถเดินทางไปเที่ยวได้ เพียงแต่ต้องปฏิบัติตามมาตรการสาธารณสุขอย่างเข้มงวด

"ขอย้ำว่า ผู้ที่เดินทางกลับมาจากจังหวัดเหล่านี้ ไม่ได้มีความเสี่ยงมากไปกว่าคนอื่น จึงไม่จำเป็นต้องกักตัว สามารถไปเรียน ไปทำงานได้ตามปกติ...ทราบมาว่าบางโรงเรียน หรือบางที่ทำงาน มีการสั่งกักตัวผู้ที่มีประวัติเดินทางกลับมาจากเชียงราย เชียงใหม่นั้น อาจจะเป็นมาตรการที่เกินจำเป็น กระทรวงฯ ไม่ได้มีคำแนะนำให้กักตัว จึงขอให้โรงเรียน และที่ทำงานที่ออกมาตรการดังกล่าวนี้ ช่วยทบทวนมาตรการด้วย" นพ.วิชาญ กล่าว

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ