อนุสรณ์ เสนอรัฐฯจัดสรรงบจองซื้อวัคซีนต้านโควิด-19 อีก 18,692 ลบ.

ข่าวทั่วไป Sunday December 27, 2020 16:03 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายอนุสรณ์ ธรรมใจ อดีตกรรมการนโยบายและกำกับการบริหารหนี้สาธารณะ กระทรวงการคลัง คาดการณ์ว่า ตลาดการเงินจะผันผวนรุนแรงช่วงสัปดาห์สุดท้ายสิ้นปี 2563 หลังติดเชื้อโควิด-19 พุ่งในประเทศ มีรายงานข่าวการกลายพันธุ์ของโควิด-19 ทำให้หลายประเทศห้ามชาวต่างชาติเดินทางเข้าประเทศกระทบการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก มีรายการติดเชื้อโควิด-19 สายพันธุ์ใหม่กลายพันธุ์จากอังกฤษในประเทศญี่ปุ่น การติดเชื้อระลอกสองและระลอกสามในเอเชีย ทำให้ภูมิภาคเอเชียซึ่งควรเป็นภูมิภาคที่มีการฟื้นตัวเศรษฐกิจมากกว่าและเร็วกว่าภูมิภาคอื่นอาจมีเสี่ยงและความไม่แน่นอนเพิ่มขึ้น ตลาดหุ้นในเอเชียรวมทั้งไทยอาจถูกเทขายหนักในช่วงสัปดาห์สุดท้ายของปีและโยกเงินไปยังตลาดสินทรัพย์ปลอดภัยมากกว่า เคลื่อนย้ายไปยังตลาดตราสารหนี้และทองคำมากขึ้น

ขณะที่ความเสี่ยงปัญหา Government Shutdown ในสหรัฐอเมริกาจากการที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ยังไม่ยอมลงนามกฎหมายมาตรการดูแลเศรษฐกิจ สภาวะดังกล่าวอาจสร้างความไม่แน่นอนต่อการลงทุนในตลาดหุ้นโลกมากขึ้น และ เป็นปัจจัยลบต่อตลาดหุ้นสหรัฐอเมริกาและค่าเงินดอลลาร์ ดัชนีหุ้นไทยในสัปดาห์สุดท้ายของปีมีโอกาสเกิดการเทขายทำกำไรและดัชนีอาจหลุดลงต่ำกว่าแนวรับ 1,400 จุด และแนวรับถัดไปที่ 1,380 จุดได้ ส่วนเงินบาทมีแนวโน้มทรงตัวในช่วงปลายปีแต่มีทิศทางแข็งค่าขึ้นได้อีกในช่วงไตรมาสหนึ่งปีหน้าจากการหดตัวของการนำเข้าทำให้มีการเกินดุลการค้าในสัดส่วนที่สูง

นายอนุสรณ์ กล่าวอีกว่า ประเทศไทยต้องควบคุมไม่ให้เกิดปัญหาการแพร่ระบาดหลายกลุ่ม (Multiple Clusters) และ การแพร่ระบาดใหญ่หลายเหตุการณ์ (Multiple Superspreading Events) ให้ได้ในช่วง 1-2 เดือนนี้ หากสามารถดำเนินได้อย่างมีประสิทธิผลย่อมทำให้สามารถควบคุมการแพร่ระบาดของโรคได้เหมือนระลอกแรก ช่วงสองเดือนนี้จึงควรงดจัดกิจกรรมเสี่ยงต่อการแพร่ระบาดของโรคระบาดโควิด-19 ทั้งหมด ควรงดกิจกรรมที่รวมคนจำนวนมากทั้งหมด (ยกเว้นสามารถปฏิบัติตามมาตรฐานสาธารณสุขอย่างเคร่งครัด) ออกไปก่อนอย่างน้อยสองเดือน

การจัดสรรงบ 6 พันล้านบาทเพื่อจองซื้อวัคซีนนั้นไม่เพียงพอต่อการดูแลประชาชน ขอเสนอให้รัฐบาลจัดหางบประมาณเพิ่มเติมจัดซื้อวัคซีนฟรีสำหรับประชาชน และจองซื้อให้ครอบคลุมประชากรไม่ต่ำกว่า 80% ของประเทศ เพื่อเปิดประเทศภายในไตรมาสสามปีหน้าได้ งบประมาณ 6 พันล้านบาทนั้นสามารถสั่งซื้อวัคซีนได้เพียงแค่ 26 ล้านโด๊ส สร้างภูมิคุ้มกันคนได้เพียง 13 ล้านคนเท่านั้น ต้องทำให้ประชาชนรวมทั้งแรงงานต่างด้าวในไทยมีภูมิคุ้มกันอย่างน้อย 53-54 ล้านคน ประเทศจึงสามารถฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคมให้กับสู่ภาวะปรกติได้เร็วขึ้น ลดความยากลำบากทางเศรษฐกิจอันนำไปสู่ปัญหาการฆ่าตัวตายและปัญหาวิกฤติการเมืองรุนแรงยิ่งขึ้น

การจองซื้อและนำเข้าวัคซีนไม่ต่ำกว่า 107 ล้านโด๊สเป็นสิ่งที่ต้องทำ และรัฐบาลต้องไปตัดลดงบประมาณไม่จำเป็นอื่นๆทั้งหมด การลดอัตราการป่วย การลดอัตราการเสียชีวิตและลดปัญหาสุขภาพที่ติดตามมาจาการติดเชื้อไวรัสโคโรนาเป็นเรื่องเฉพาะหน้าและเรื่องสำคัญที่สุดที่รัฐบาลต้องทำให้สำเร็จภายในปีหน้า หากไทยไม่สามารถเปิดประเทศได้ภายในไตรมาสสามปีหน้า จะมีคนว่างงานเพิ่มอีกหลายล้านคน มีธุรกิจล้มละลายอีกมาก รวมทั้งระบบสถาบันการเงินจะมีปัญหาอย่างแน่นอน จึงขอเสนอให้มีการจัดสรรงบจองซื้อวัคซีนอีก 18,692 ล้านบาท หากงบกรมควบคุมโรคและงบกลางเพื่อจัดซื้อวัคซีนไม่เพียงพอขอให้รัฐบาลพิจารณาตัดลดงบประมาณส่วนอื่นมาเพิ่มเติมให้ หรือ กู้เงินเพิ่ม เพื่อทำให้ประชาชนส่วนใหญ่ของประเทศเข้าถึงวัคซีนได้

นอกจากนี้ รัฐบาลควรเปิดโอกาสให้โรงพยาบาลเอกชนให้บริการฉีดวัคซีนได้โดยเสียค่าบริการสำหรับผู้มีฐานะทางเศรษฐกิจที่ดี รัฐบาลควรเดินหน้าเก็บภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างในส่วนที่ถือครองโดยบุคคลที่มีฐานะทางเศรษฐกิจสูงถึงสูงมาก เพื่อนำมาจัดสรรงบประมาณช่วยเหลือชดเชยรายได้ให้กับระชาชนที่กำลังจะว่างงานระลอกใหม่และช่วยเหลือกิจการขนาดเล็กและขนาดย่อย นอกจากนี้ ธนาคารแห่งประเทศไทยควรพิจารณาลดการจ่ายเงินเข้ากองทุนฟื้นฟูของธนาคารพาณิชย์เพื่อธนาคารจะได้ลดดอกเบี้ยเพิ่มเติมให้ลูกค้า


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ